วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ทนายกันตเมธส์ จโนภาส เดินทางเข้ายื่นคำร้อง ต่อ กระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ตรวจสอบการประกอบอาชีพ ของ นางวิไลพร หลังตกเป็น ผตห ฟอกเงิน

 ทนายกันตเมธส์ จโนภาส เดินทางเข้ายื่นคำร้อง ต่อ กระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ตรวจสอบการประกอบอาชีพ ของ นางวิไลพร หลังตกเป็น ผตห ฟอกเงิน






นาย กันตเมธส์ จโนภาส พร้อมคณะทนายความจิตอาสา ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มารับหนังสือ เพื่อดำเนินการตรวจสอบการประกอบอาชีพของนาสาววิไลพร ตวงวิทยากูล ที่ ร้านยิงต่า หมู่บ้านนากองมู่ ตำบลห้วยอ่อ อำเภอโหม่งตง จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาร์ ว่าได้ประกอบกิจการร้านค้าจริง มิได้เป็นผู้ร่วมกระบวนการใดๆ กับผู้ค้ายาเสพติด หรือฟอกเงิน ให้กับขบวนการค้ายาเสพติด หลังจากช่วงต้นปี 2563 นางสาววิไลพรถูกพนักงานสอบสวนสภ.เมืองสิงห์บุรี รวบรวมพยานหลักฐานไปขอศาลจังหวัดสิงห์บุรี ออกหมายจับด้วยข้อหาสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือขณะกระทำผิดรับเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทำความผิดเพื่อประโยชน์หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือเพื่อมิให้ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษ และความผิดตามพรบ.ฟอกเงิน โดยกล่าวหาว่านางสาววิไลพรเป็นผู้รับฟอกเงินให้กับขบวนการค้ายาเสพติดโดยพบว่ามีการโอนเงินจำนวน 20,000 บาทให้กลับพี่ชายและพี่สะใภ้ของนางสาววิไลพรที่ก่อนหน้านี้ถูกดำเนินคดีในข้อหาความผิดที่คล้ายกันโดยกล่าวหาว่าทั้งสองคนเป็นผู้ฟอกเงินให้กับขบวนการค้ายาเสพติด จึงมีการขยายผลจากยอดเงินในบัญชีของทั้งสองคนมาถึงนางสาววิไลพร






โดยช่วงแรกสภเมืองสิงห์บุรีได้มีการออกหมายเรียกนางสาววิไลพรให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาแต่นางสาววิไลพรไม่สามารถเดินทางจากประเทศเมียนมาร์ไปรับทราบข้อกล่าวหาในประเทศไทยได้เนื่องจากมีสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเมียนมาร์และสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิค 19 ต้นมีการออกหมายเรียกพบทั้ง 2 ครั้งจึงถูกออกหมายจับดังกล่าว





ทั้งนี้นางสาววิไลพรได้ชี้แจงกับทีมทนายความว่า

ยอดเงินดังกล่าวเป็นยอดเงินที่ตนเองใช้ในการเปิดกิจการที่เกี่ยวข้องกับร้านขายของชำสินค้าเบ็ดเตล็ดและน้ำมันในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งในระหว่างการประกอบกิจการค้าน้ำมันได้ให้พี่ชายและพี่สะใภ้ซึ่งอยู่ทางฝั่งประเทศไทยเป็นคนซื้อน้ำมันและนำมาส่งให้บนเขา ก่อนที่จะโอนเงินยอดดังกล่าวให้เป็นค่าน้ำมัน ไม่ได้เป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดแต่อย่างใด โดยนางสาววิไลพรได้ส่งหลักฐานเป็นเอกสารเส้นทางทางการเงินของตนเองทั้งหมด หลักฐานการประกอบกิจการร้านค้าบนที่ราบสูงในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งประกอบกิจการมาได้ 5 ปีแล้วโดยลงทุนร่วมกับสามีของตนเองซึ่งเป็นชาวเมียนมาร์ ทั้งนี้ยืนยันว่าครอบครัวของตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดหรือฟอกเงินให้กับขบวนการดังกล่าวแต่เป็นการประกอบอาชีพโดยสุจริต และพร้อมมาต่อสู้คดีที่มีการถูกออกหมายจับ แต่ก็อยากให้ทางกระทรวงยุติธรรมช่วยตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวให้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเอง






ด้านเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่าเบื้องต้นได้ให้ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของกระทรวงยุติธรรมรับคำร้องดังกล่าวของทนายความและนางสาววิไลพรไว้ โดยจะตรวจสอบไปถึงเส้นทางการเงินและพฤติการณ์ย้อนหลังว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดหรือไม่ก่อนส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ส่วนเรื่องของคดีความจะให้นางสาววิไลพรและทีมทนายความต่อสู้ทางคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น