ตำรวจทางหลวง จับจริง พวกแอดมินเพจ ยูทูบเบอร์ ชื่อดัง แข่งรถบนถนนหลวง หนีกบดาน จ.เชียงใหม่ คอตกส่งศาล จ.ฉะเชิงเทรา
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 พ.ค.64 พล.ต.อ. ดำรงค์ศักดิ์. กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. พ.ต.อ.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ รอง ผบก.ทล. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ ผกก.8 บก.ทล. พ.ต.ท.วันชนะ ทิพย์อาสน์ สวญ.ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. และ กำลังตำรวจ สถานีทางหลวง 1 กองกำกับการ 8 ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายปิยะพงษ์ วงษ์สุวรรณ อายุ 31 ปี ยูทูบเบอร์เจ้าของชาแนล “ดุกส้ม” ผู้โพสต์คลิปแข่งรถยนต์ในถนนหลวง
สืบเนื่องจาก เมื่อเดือน มี.ค.64 พบว่า มีการแห่แชร์วิดิโอคลิป ต้นกำเนิดความดัง BT50 VS ดุกส้ม ซึ่งเป็นวิดิโอบันทึกภาพการแข่งรถในถนนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ช่วง กม.52-57 ต.เขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการประลองความเร็วระหว่าง รถฮอนด้า ซีวิค สีส้ม - ดำ ทะเบียน ญง 6362 กทม. หรือ รถดุกส้ม และ รถกระบะ มาสด้า BT50 สีฟ้า ทะเบียน ตร 4762 กทม. หรือ รถมะลิ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ จนทราบว่า เจ้าของรถกระบะ คือ นายชวลิต สุวรรณ์ อายุ 29 ปี ผู้ใช้เฟซบุ๊ก na nuk chawalit suwan ส่วน เจ้าของรถเก๋ง ดุกส้ม เป็นช่องยูทูบใช้ชื่อ ดุกส้ม คือ นายปิยะพงษ์ วงษ์สุวรรณ ต่อมา นายชวลิต ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ก่อนรับทราบข้อกล่าวหา และ ถูกนำตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ไปตั้งแต่ วันที่ 5 พ.ค.64 ที่ผ่านมา หากแต่ นายปิยะพงษ์ ผู้กระทำความผิดอีกราย กลับหลบหนี กระทั่งศาลออกหมายจับ ฐาน ร่วมกันแข่งรถโดยไม่ได้รับอนุญาต ขับรถโดยประมาทหวาดเสียว โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น
กระทั่งตำรวจทราบว่า นายปิยะพงษ์ หลบหนีไปกบดานที่ จ.เชียงใหม่ จึงนำกำลังไปควบคุมตัว กลับมาดำเนินคดีตามหมายจับและนำตัวส่งศาลในวันนี้( 11 พ.ค.64 )
โดยนายปิยะพงษ์ วงษ์สุวรรณ เปิดเผยว่าปรกติตนขับรถแข่งในสนามจนได้รับรางวัลชนะเลิศมาแล้ว แต่เกิดมีการท่าทายกันเกิดขึ้นในโซเชียลจึงมีการนัดหมายแข่งขันบนทางหลวงดังกล่าว ซึ่งตนเป็นฝ่ายแพ้ ต่อมาทราบว่าถูกออกหมายจับ แต่เนื่องด้วยต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดทำให้ไม่สามารถเข้ามอบตัวได้ กระทั่งถูกจับกุมในที่สุด ทั้งนี้ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะต้องถูกดำเนินคดีและริบรถของกลางทั้งหมด
ทั้งนี้ตำรวจทางหลวง แจ้งข้อมูลไปยังประชาชน ว่า หากพบการรวมตัวมั่วสุมและเตรียมแข่งรถในทางสาธารณะหรือถนนสายหลัก สามารถแจ้งเบาะแสได้ทันที หรือแม้แต่สามารถส่งคลิปวิดิโอหลักฐานมาให้เจ้าหน้าที่ได้โดยตรง ยืนยันว่า ข้อมูลของพลเมืองดีจะเป็นความลับ นอกจากนี้ยังเพื่อเป็นการร่วมมือแก้ปัญหาการแข่งรถบนถนน ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุหรือทำให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเดือดร้อนด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น