วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

“หนุ่มแสบตุ๋นนักช็อปออนไลน์ ปลอมระบบ Call Center หลอกส่งสินค้า”




     ตามนโยบายรัฐบาลนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการปราบปรามอาชญากรรมที่ได้เกิดขึ้นหลายรูปแบบ มีการขยายตัวเป็นวงกว้างและมีผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกระทำความผิดในระบบคอมพิวเตอร์ และสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นควบคู่ไปพร้อมกับความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน ซึ่งเป็นปัญหาที่ทางรัฐบาลให้ความสำคัญ และเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ(ศปอส.ตร.) ,พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. ในฐานะ รองผู้อำนวยการฯ ศปอส.ตร. , พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.บก.สส.สตม. ,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 , พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.บก.จร.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์  รุ่งกระจ่าง ผกก.สส.บก.น.4 ได้สั่งการให้ ศปอส.ตร. ชุดปฏิบัติการที่ 2 สืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้าย หลอกลวงผู้เสียหายขายสินค้าออนไลน์ และปลอมบัญชีไลน์แอด (Line@) แสร้งเป็นระบบ Call Center หลอกลวงเหยื่อในการติดตามการส่งสินค้า ซึ่งมีบริษัทผู้ให้บริการขนส่งพัสดุ และผู้เสียหายหลายราย มาแจ้งความร้องทุกข์ที่ ศปอส.ตร. ให้จับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดี




 ในวันที่ 28 มกราคม 2562 ศปอส.ตร. ได้รับการร้องเรียนจากบริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง และผู้เสียหาย ว่าได้ถูกคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นใคร หลอกขายสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต เช่น โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์แต่งรถ เหรียญสะสมสมัย รัชกาลที่ 9 แผงโซล่าเซล ฯลฯ โดยใช้ช่องทาง Facebook, Kaidee หรือ Line@ เป็นต้น เมื่อมีการตกลงซื้อสินค้าผู้เสียหายได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร หรือ ทาง True Money Wallet ที่คนร้ายส่งให้แล้ว คนร้ายจะส่งหลักฐานการส่งสินค้า เช่น ภาพถ่ายสำเนาใบส่งของ, ภาพถ่ายรถขณะมารับสินค้า หรือ รหัสการติดตามพัสดุ (Tracking No.) โดยเฉพาะในกรณีการส่งรหัสติดตามพัสดุ คนนร้ายจะใช้วิธีที่แนบเนียน โดยการส่ง QR Code ในการเพิ่มเพื่อนบัญชี Line@ เพื่อเข้าไปติดตามการส่งพัสดุผ่านระบบ Call Center ของบริษัท ซึ่งบัญชีนี้เป็นบัญชีที่คนร้ายได้สร้างปลอมขึ้นมาด้วยตนเองเพื่อโต้ตอบกับผู้เสียหาย และช่วยยืนยันว่าทางร้านค้าได้ส่งสินค้าให้แล้ว ทำให้ผู้เสียหายเชื่อมั่นว่าได้มีการส่งสินค้าให้จริง แต่ต่อมาเมื่อถึงกำหนดเวลารับของผู้เสียหายไม่ได้รับพัสดุตามกำหนดนัด และได้ทวงถามผ่านทาง Call Center (ปลอม) ก็มีการสนทนาโต้ตอบเพื่อถ่วงเวลา และไม่สามรถติดต่อได้ในภายหลัง ผู้เสียหายจึงได้ตรวจสอบกับบริษัทผู้ให้บริการขนส่งพัสดุที่แท้จริง จึงทราบว่าได้ถูกคนร้ายหลอกลวงอย่างแนบเนียน





ต่อมา พ.ต.ท.ปัญญา กุลไทย รอง ผกก.สส.บก.น.4/หน.ชุดปฏิบัติการที่ 2 ศปอส.ตร. ร่วมกับ สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง สามารถสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทราบว่าคนร้ายในคดีนี้ คือ นายฐิติพงษ์  พรหมเจริญ (ปาล์ม หรือตาม) อายุ 31 ปี และศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับศาลอาญาที่ 174/2562 ลงวันที่ 31 ม.ค.2562 เพื่อให้จับกุมตัว นายฐิติพงษ์  พรหมเจริญ ในความผิดข้อหา ข้อหากระทำการโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอมซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว นายฐิติพงษ์  พรหมเจริญ ผู้ต้องหา ได้ที่บริเวณสถานีบริการน้ำมัน ย่านถนนพุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร และได้ตรวจยึดโทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อมซิมการ์ด จำนวน 2 เครื่อง, สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ 9 เล่ม, บัตรเอทีเอ็ม 6 ใบ และกล่องพัสดุ (ที่ใช้ในการสร้างหลักฐานการส่งพัสดุปลอม) จำนวน 4 กล่อง ทั้งหมดเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการลงมือกระทำความผิด โดยในชั้นจับกุม ผู้ต้องให้การรับสารภาพว่า ตนเองเป็นบุคคลที่ลงมือก่อเหตุหลอกลวงขายของสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ตจริง โดยหลอกลวงขายสินค้าประเภทต่างๆ ผ่านทาง Facebook, Kaidee, Line@ โดยจะตั้งชื่อร้านแตกต่างกันออกไป ทำให้มีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก และหลังจากได้เงินก็ปิดเพจหนี ในการหลอกลวงนี้ผู้ต้องหาได้เงินจากการหลอกลวงมากกว่า 5 แสนบาท




ตรวจสอบประวัติการต้องคดีอาญาของนายฐิติพงษ์  พรหมเจริญ พบว่าปัจจุบันได้หลบหนีการประกันตัวชั้นศาล ในความผิดฐานฉ้อโกง ตามหมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชันที่ 693/2561 ลงวันที่ 12 พ.ย.2561 และเมื่อปี 2555 เคยถูกตำรวจสถานีตำรวจภูธรสัตหีบ จ.ชลบุรี จับกุมขณะบวชเป็นพระ ได้ขโมยทองของพระในวัดเดียวกันไปขายเพื่อนำเงินไปให้สีกาในการรักษาสิว  รับโทษจำคุก 2 ปี 3 เดือน เมื่อพ้นโทษออกมาไม่ได้ประกอบอาชีพแต่อย่างใด จึงเลือกก่อเหตุหลอกลวงขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ต เพราะผู้ต้องหามีความสามารถเกี่ยวกับการใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี เนื่องจากชอบเล่มเกมออนไลน์ตามร้านบริการอินเตอร์เน็ตอยู่เป็นประจำ วิธีการนี้สามารถหาเงินได้ง่าย ยากต่อการถูกจับกุม ส่วนบัญชีที่ใช้ในการรับโอนเงินจากผู้เสียหาย ผู้ต้องหาใช้บัญชีชื่อตนเอง บางครั้งก็หยิบยืมจากเพื่อน, แฟนสาว และแม่

ศปอส.ตร. ขอประชาสัมพันธ์ ให้พี่น้องประชาชน ท่านใดตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงจากนายฐิติพงษ์ พรหมเจริญ (ชื่อเล่น ปาล์ม หรือ ตาม)  หรือถูกหลอกลวงที่มีลักษณะคล้ายสร้าง Call Center ปลอมขึ้นมา โดยชื่อว่าน่าจะถูกผู้ต้องหารายนี้หลอกลวง สามารถติดต่อแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ ศปอส.ตร. หมายเลขโทรศัพท์ 1155 หรือสถานีตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น