วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561

น.ส.พ.เสียงสัมพันธ์//บี้บุหรี่ ไม่แตะยาเส้น~เหล้า~เบียร์ให้รัฐกลับไปคิด ใหม่แหล่งเงินสมทบ"บัตรทอง"


บี้บุหรี ไม่แตะยาเส้น-เหล้า-เบียร์
ให้รัฐกลับไปคิดใหม่แหล่งเงินสมทบ ‘บัตรทอง’
ทุกฝ่าย ประสานเสียงเดียว ให้รัฐบาลกลับไปคิดใหม่  เรื่องการหาแหล่งเงินสมทบเข้ากองทุน สปสช.  ข้องใจทำไมโบยตีเฉพาะบุหรี่  ทั้งที่เป็นสินค้าที่มีภาระภาษีสรรพสามิตสูงอยู่แล้ว  พร้อมเสนอจัดเก็บภาษียาเส้น  และเงินสมทบจากกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสินค้าอื่นๆ ที่เข้าข่ายบั่นทอนสุขภาพประชาชน
 เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2561 กระทรวงสาธารณสุขจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งแรก ร่างพระราชบัญญัติจัดเก็บเงินสมทบเพื่อสนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการภาครัฐ ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยเชิญผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายเข้าร่วมการประชุม  ประกอบด้วย  สภานิติบัญญัติแห่งชาติ   แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกระทรวงสาธารณสุข  กลุ่มบริษัทผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาสูบ   การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่  สมาคมผู้บ่มยาสูบ  สมาคมชาวไร่ยาสูบภาคเหนือตอนล่าง  และเครือข่ายชุมชน
ผลสรุปการรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1.ฝ่ายที่เห็นด้วยในหลักการว่าการที่รัฐบาลต้องการหาเงินสมทบมาเพิ่มเพื่อสวัสดิการของประชาชนทั้งประเทศเป็นเรื่องที่ดี  แต่ไม่เห็นด้วยที่จะจัดเก็บเงินสมทบจากสินค้าบุหรี่เพียงอย่างเดียว ควรจัดเก็บเงินสมทบจากสินค้าและบริการที่บั่นทอนสุขภาพประชาชนอย่างเช่น  เหล้า  เบียร์  เป็นต้น   2.ฝ่ายที่คัดค้านในเนื้อหาสาระรายมาตรา  และ 3.ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ อย่างเด็ดขาด 
อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายต่างประสานเสียงไปในแนวทางเดียวกันว่า  ขอให้รัฐบาลกลับไปคิดใหม่ เรื่องการหาแหล่งเงินสมทบเข้ากองทุนหลักประกันสุขภาพ (สปสช.) เพราะไม่ควรเลือกเก็บเงินสมทบเฉพาะสินค้าบุหรี่ ซึ่งในร่างพ.ร.บ.เขียนไว้ให้เก็บเงินสมทบจากยาสูบในอัตรามวนละ 10 สตางค์ โดยให้ผู้บริโภคเป็นผู้มีหน้าที่ชำระเงินสมทบและให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมผลิตยาสูบหรือผู้นำเข้ายาสูบเป็นผู้ดำเนินการเรียกเก็บเงินสมทบ 
สนช.ชี้ร่างพ.ร.บ.ขัดต่อพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ
นายแพทย์พินิจ หิรัญโชติ ในฐานะคณะกรรมการหลักประกันและที่ปรึกษากรรมาธิการสาธารณสุขแห่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ  แสดงความคิดเห็นว่า  หน่วยบริการมีทั้งภาครัฐและเอกชน  รัฐบาลต้องให้ความเสมอภาคกัน  จะจัดเก็บเงินสมทบให้เฉพาะภาครัฐอย่างเดียวนั้น ตนไม่เห็นด้วย  รายละเอียดที่เขียนไว้ในแต่ละมาตราทำให้มีความสับสน  อีกอย่างการพุ่งเป้าเก็บเงินจากบุหรี่ ก็จะขัดกับนโยบายรัฐที่ต้องการลดคนสูบบุหรี่  ถ้าคนไม่สูบบุหรี่  แล้วจะเก็บเงินสมทบจากไหนอีก เรื่องนี้รัฐบาลต้องกลับไปคิดกันใหม่ดีๆ  ถ้าจะอ้างเรื่องการขาดสภาพคล่อง
“ผมว่าในหลักการของร่างพ.ร.บ.นี้เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ แล้วไปสร้างภาระกับคนสูบบุหรี่ที่เป็นต้นเหตุ”  อีกอย่างการจัดเก็บเงินสมทบลักษณะนี้ ขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.๒๕๖๑ มาตรา ๒๖ ที่ระบุว่า การเสนอกฎหมายที่มีบทบัญญัติให้จัดเก็บภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น จากที่กําหนดไว้ในกฎหมาย เพื่อให้หน่วยงานของรัฐนําไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐนั้นหรือเพื่อการหนึ่งการใดเป็นการเฉพาะ จะกระทํามิได้ เว้นแต่กรณีการจัดเก็บภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เสนอขึ้นภาษียาเส้น -เหล้า-เบียร์
 นายแพทย์ประกิต  วาทีสาธกกิจ   เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่  เสนอให้รัฐบาลมีการจัดเก็บภาษียาเส้นเพิ่มขึ้นด้วยเพื่อใช้เป็นเงินสมทบตามร่างพ.ร.บ. เพราะปัจจุบันจำนวนผู้สูบยาเส้นประมาณ 5 ล้านคนนั้น เป็นและกำลังจะเป็นผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพ  ผู้บริโภคยาสูบราคาถูกกลุ่มนี้ควรมีส่วนรับผิดชอบสุขภาพของตนเองด้วย และรัฐบาลเองก็ไม่เคยแตะต้องภาษียาเส้นเลย  การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตใหม่ที่ส่งผลให้บุหรี่ราคาสูงขึ้นมากแต่กลับไม่มีผลด้านราคาของยาเส้น
“ปัญหาใหญ่อยู่ที่ยาเส้น เพราะยาเส้นไม่ได้มาเป็นมวน แต่มาเป็นน้ำหนัก ถ้าเขียนในร่างพ.ร.บ.อย่างนี้ ยาสูบต้องรวมยาเส้นด้วย รวมทุกอย่างที่เป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบ เพราะฉะนั้นต้องเขียนให้ชัดเจน เพราะยาเส้นมีคนสูบถึง 5 ล้านคน เฉลี่ยสูบวันละ 10 มวน เพราะฉะนั้นเงินสมทบส่วนนี้จะเป็นเงินวันละ 5 ล้านบาท รัฐก็จะเก็บเงินสมทบจากยาเส้นได้  1,800 ล้านบาท  และถ้าขึ้นภาษียาเส้นควบไปด้วย รัฐก็จะเก็บได้มากกว่านี้อีก”
ด้านตัวแทนเครือข่ายชุมชนเสนอความคิดเห็นอย่างดุเดือด ระบุว่า  หากจะจัดเก็บเงินสมทบตามร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ขอให้รัฐบาลจัดเก็บเงินสมทบจากสินค้าในกลุ่มสุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ ด้วย  ตอนนี้ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงงดเว้นสินค้ากลุ่มนี้ไว้  แต่ไปรีดเงินเอากับบุหรี่สินค้าเดียว
ชาวไร่ยาสูบอ่วม ทุกข์สองต่อ
นายอรุณ โพธิตาล ตัวแทนชาวไร่ยาสูบซึ่งมาจากสมาคมผู้บ่มใบยาสูบ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่  ร่วมกับสมาคมชาวไร่ยาสูบภาคเหนือตอนล่าง จ.สุโขทัย – เพชรบูรณ์  บอกว่า  มาเห็นด้วยที่รัฐบาลจะมาเก็บเงินสมทบจากบุหรี่เพิ่มอีก  ทุกวันนี้ชาวไร่ยาสูบมากกว่า 50,000 ครอบครัวเดือนร้อนอย่างหนักอยู่แล้วจากการขึ้นภาษีบุหรี่ตั้งแต่ปลายปี 2560 ที่ทำให้ยอดขายบุหรี่ของการยาสูบแห่งประเทศไทยลดลงอย่างมาก แล้วมาใช้เป็นเหตุผลที่จะไม่รับซื้อใบยาสูบจากเกษตรกรทั้งที่ผลผลิตเกือบทั้งหมดทุกปีของพวกเราต้องส่งขายให้กับการยาสูบแห่งประเทศไทย  ถ้ารัฐบาลจะมาเก็บเงินสมทบอีกจากบุหรี่  พวกเราก็รับทุกข์ไปเต็มอีกต่อ 
“พวกผมต้นน้ำนะครับ ชาวไร่ยาสูบ ขายใบยาให้เฉพาะยสท.ที่เดียวครับ ได้ข่าวว่ายอดขายบุหรี่ตก แล้วรัฐจะขึ้นภาษีปีหน้าอีก ถ้า 40 เปอร์เซ็นต์  ราคาบุหรี่ก็จะพุ่งไปซองละ 90  บาท  ยสท.ก็คงงดรับซื้อใบยาจากพวกผมอีก 3 ปี เกษตรกรชาวไร่อย่างพวกผมตายหมดครับ แค่ไม่รับซื้อปีเดียวตอนนี้ก็จะตายแล้ว พวกเราทำนาสลับกับปลูกใบยาสูบ  นี่ข้าวก็รอลุ้นว่าน้ำจะท่วมหรือเปล่า  ใบยาสูบก็จะไม่ได้ปลูกอีก จะเอาที่ไหนมากินมาใช้ครับ”
ที่ผ่านมากลุ่มอุตสาหกรรมยาสูบได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ตั้งแต่ปลายปี 2560  ทำให้อุตสาหกรรมทั้งระบบลดการผลิตและนำเข้าผลิตภัณฑ์สูบลงเพราะราคายาสูบที่สูงขึ้นทำให้ยอดขายลดลงอย่างมาก   การยาสูบแห่งประเทศไทยเอง ก็ได้รับผลกระทบรุนแรงเช่นกันจนทำให้ต้องประกาศหยุดรับซื้อใบยาสูบจากเกษตรกรชาวไร่ยาสูบเพราะจำเป็นต้องลดกำลังการผลิตและลดวัตถุดิบ 
ผู้นำเข้าบุหรี่ ชี้ไม่เป็นธรรมต่ออุตสาหกรรมยาสูบ
นายเก่งการ    เหล่าวิโรจนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาบรรษัท บริษัท เจที อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทลูกในเครือเจทีไอ กรุ๊ป  ประเทศญี่ปุ่น  แสดงความเห็นว่า ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาสูบ   เห็นด้วยและสนับสนุนให้มีร่าง พ.ร.บ.เพียงแต่มีข้อโต้แย้งว่า  การเรียกเก็บเงินสมทบจากสินค้ายาสูบเพียงผลิตภัณฑ์เดียวในกลุ่มของสินค้าที่จัดเก็บภาษีสรรพสามิตและถูกจัดว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพคนไทย อันเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคในกลุ่ม NCDs ซึ่งมีสินค้าอีกหลายประเภทที่เข้าข่าย   แบบนี้ถือว่าไม่เป็นธรรมกับธุรกิจและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยาสูบ   และการเก็บเงินจากสินค้ายาสูบ 10 สตางค์ต่อมวน เท่ากับทำให้ราคาบุหรี่เพิ่มขึ้นอีก 2 บาทต่อซอง จะส่งผลกระทบรุนแรงอีกระลอกกับผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมยาสูบไทยตั้งแต่ต้นน้ำ  กลางน้ำ และปลายน้ำ
 “อยากให้ผู้ยกร่างพ.ร.บ.กลับไปศึกษาโครงสร้างภาษีบุหรี่ให้เข้าใจก่อน ตอนนี้บุหรี่เจอหลายเรื่องและมันกระทบรุนแรงหลายส่วนโดยเฉพาะกับเกษตรกร แล้วยิ่งบุหรี่ราคาแพงขึ้น ปัญหาบุหรี่เถื่อนก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นด้วย ขอความเป็นธรรมให้กับบุหรี่บ้าง  ให้อุตสาหกรรมยาสูบยังยืนอยู่ได้บ้าง”
ภาพ/ข่าวทีม ข่าวรายงาน









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น