วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2567

กยท. เยี่ยมคารวะ กระทรวงเกษตรฯ โกตดิวัวร์ พร้อมเจรจาความร่วมมือระหว่างประเทศผู้ผลิตยางพารา เพิ่มโอกาสการค้ายางพาราไทยสู่ระดับสากล

 กยท. เยี่ยมคารวะ กระทรวงเกษตรฯ โกตดิวัวร์ พร้อมเจรจาความร่วมมือระหว่างประเทศผู้ผลิตยางพารา เพิ่มโอกาสการค้ายางพาราไทยสู่ระดับสากล



เมื่อวานนี้ ( 29 ต.ค. 67) Ministry of Agriculture, rural development and food production -- การยางแห่งประเทศไทย นำโดย ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย และคณะผู้แทนฝ่ายไทย เข้าเยี่ยมคารวะ Mr. KOBENAN KOUASSI ADJOUMANI รัฐมนตรีว่ากระทรวงฯ พร้อมด้วยประธานสมาคมผู้ประกอบอาชีพด้านยางธรรมชาติประเทศโกตดิวัวร์ (APROMAC) และประธานกองทุนสหวิชาชีพเพื่อการวิจัยและให้คำปรึกษาด้านการเกษตร (FIRCA) ร่วมเจรจาความร่วมมือของ 2 ประเทศในฐานะผู้ผลิตยางธรรมชาติรายใหญ่ของโลกอย่างเป็นรูปธรรม



Mr. KOBENAN KOUASSI ADJOUMANI รัฐมนตรีว่ากระทรวงฯ Ministry of Agriculture, rural development and food production กล่าวว่า การที่มีชาวต่างชาติเข้ามาประเทศโกตดิวัวร์นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานทุกภาคส่วนที่ดูแลและเกี่ยวข้องกับยางพาราจากประเทศไทยไทย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกได้มาร่วมงาน Natural Rubber Days และมาเยือนประเทศโกตดิวัวร์ ตลอดจนศึกษาดูงาน และพร้อมที่จะร่วมมือในการถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนาบุคลากรด้านยางพาราให้มีความเข้มแข็ง รวมถึงนโยบายการสนับสนุนการอำนวยความสะดวกในการขับเคลื่อนนโยบายด้านยางพาราระหว่าง 2 ประเทศ ทั้งนี้ ปัจจุบัน การดำเนินงานด้านยางพารามีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โกตดิวัวร์ มีความพยายามให้เกิดการดำเนินการภายใต้หน่วยงานหลัก อย่างไรก็ตาม หวังว่าจะเกิดการแลกเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานระหว่าง 2 ประเทศ และเกิดเป็นความร่วมมือในการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมสู่การปฏิบัติให้สำเร็จ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการที่หน่วยงานทั้ง 2 องค์กรจะร่วมมือกัน โดยในนามของกระทรวงเกษตรฯ สาธารณรัฐโกตดิวัวร์ ยินดีที่จะไปเยือนกระทรวงเกษตรฯ ของประเทศไทยตามคำเชิญ และยินดีให้การต้อนรับรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ของไทยในการมาเยือนโกตดิวัวร์เช่นกัน



ดร.เพิก กล่าวว่า การมาเยือน โกตดิวัวร์ ครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีในการสร้างความร่วมมือด้านยางพาราระหว่าง 2 ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการกำหนดราคายางของโลก เนื่องจากไทยและโกตดิวัวร์มีฐานะเป็นประเทศผู้ผลิตยางเช่นเดียวกัน ซึ่งมีความหวังว่าทั้ง 2 ประเทศจะสามารถร่วมกันกำหนดราคายางได้ หลังจากมีความพยายามในเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน และเชื่อมั่นว่าโกตดิวัวร์เป็นประเทศพันธมิตรที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านยางพาราให้เกิดความสำเร็จ และเกิดประโยชน์แก่เกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยของทั้ง 2 ประเทศ ในการยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมกับสร้างความมั่นคงให้กับอาชีพชาวสวนยางอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ไม่สำคัญว่าประเทศใดเป็นที่ 1 ของโลกด้านยางพารา แต่สิ่งสำคัญคือความร่วมมือและการเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันในระยะยาวต่อไป



 Mr.Chales- Emmanuel YACE ประธานกรรมการ APROMAC กล่าวว่า ในฐานะองค์กรด้านยางพาราของประเทศโกตดิวัวร์ ขอขอบคุณประเทศไทยสำหรับความร่วมมือในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการพัฒนาบุคลากรด้านยางพาราร่วมกัน รวมถึงการร่วมแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับยางพารา ในเรื่อง งานวิจัยด้านพันธุ์ยางที่ให้ผลผลิตสูง การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อนำมาใช้ในอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภคอื่นๆ ในประเทศโกตดิวัวร์ เช่น ถนนยางพารา เป็นต้น



“กยท. พร้อมมุ่งมั่นที่จะสร้างความร่วมมือในครั้งนี้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับให้ยางพาราเป็นพืชการเกษตรที่มีมูลค่าสูง รองรับกับมาตรฐานสากล และเพิ่มโอกาสทางการค้าของยางพาราไทยสู่ระดับโลก ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ว่า เกษตรกรต้องอยู่ดีสินค้าเกษตรมูลค่าสูง ทรัพยากรเกษตรยั่งยืน” ดร.เพิก กล่าวทิ้งท้าย




ทีมข่าวประชาสัมพันธ์ กยท.

_____


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

ดีลควบรวม ทรู-ดีแทค คว้ารางวัล “Deal of the Year Awards” ในงาน SET Awards 2024 ย้ำเดินหน้าภารกิจสร้างประโยชน์เพื่อคนไทยและประเทศไทย

 ดีลควบรวม ทรู-ดีแทค คว้ารางวัล “Deal of the Year Awards” ในงาน SET Awards 2024 ย้ำเดินหน้าภารกิจสร้างประโยชน์เพื่อคนไทยและประเทศไทย 



กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 30 ตุลาคม 2567 – บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ "ดีลแห่งปี" ในงาน SET Awards 2024 จาก Deal of the Year Awards – Mergers & Acquisition Deal ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้เพื่อยกย่องความสำเร็จและคุณค่าจากการควบรวมกิจการ (Amalgamation) ระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เดิม และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ถือเป็นก้าวสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมทั้งรางวัลนี้ถือเป็นก้าวสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยเฉพาะการมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล



การควบรวมกิจการระหว่างทรู คอร์ปอเรชั่นเดิม และโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น ซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 นับเป็นการควบรวมกิจการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อพิจารณาจากมูลค่าการควบรวม (Combined enterprise value) และเป็นการควบรวมกิจการที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ระหว่างบริษัทจดทะเบียนไทยสองบริษัทเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาดรวม (Combined market capitalization) บริษัทใหม่ได้ยกระดับการเชื่อมต่อและนวัตกรรมดิจิทัลทั่วประเทศ พร้อมเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของไทยในวงการเทคโนโลยีระดับโลก



ดีลครั้งประวัติศาสตร์นี้เกิดจากวิสัยทัศน์ร่วมกันของเครือซีพีและกลุ่มเทเลนอร์ ในการสร้างบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำในไทยที่สามารถรับมือกับความท้าทายในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เครือซีพี ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่นเดิม และกลุ่มเทเลนอร์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น สร้างความร่วมมืออย่างเท่าเทียมกัน โดยถือหุ้นกันที่ร้อยละ 30.3 ในบริษัทใหม่


นาย มนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "รางวัล 'Deal of the Year Awards' จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและการเปลี่ยนแปลงของทรู คอร์ปอเรชั่นสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี เพิ่มขีดความสามารถในการลงทุนโครงข่ายใหม่ และสนับสนุนการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศไทย ดีลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมในด้านต่างๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ คลาวด์ อุปกรณ์อัจฉริยะ และเมืองอัจฉริยะ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของนโยบายประเทศไทย 4.0 ในการส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทย"



การผนึกกำลังทางธุรกิจครั้งยิ่งใหญ่แห่งประวัติศาสตร์


รางวัล “Deal of the Year Awards" เป็นหนึ่งในรางวัลแห่งคุณค่าสูงสุดที่มอบโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) เพื่อเชิดชูธุรกรรมที่โดดเด่นและสร้างผลประโยชน์สร้างสรรค์ต่อตลาดทุน รางวัลนี้ยกย่องดีลที่แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรม วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ และการสร้างมูลค่าที่มีนัยสำคัญ


นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า "การได้รับรางวัล ‘ดีลแห่งปี หรือ Deal of the Year Awards’ จาก SET ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแข็งแกร่งของกลุ่มเทเลนอร์และเครือซีพีในการสร้างผู้นำด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีที่สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของประเทศไทย ดีลนี้เผชิญความท้าทายที่สำคัญหลายประการ รวมถึงการเจรจาที่อยู่ในช่วงผลกระทบของโควิด-19 สูงสุด เราได้จัดตั้งทีมเฉพาะกิจ (Clean teams) ภายใต้มาตรการพิเศษจากทั้งสองบริษัท ซึ่งช่วยให้มั่นใจว่าสามารถรักษาความลับของข้อมูลที่มีผลกระทบต่อมูลค่าราคาในตลาด และทั้งสองบริษัทยังคงแข่งขันกันได้ระหว่างการทำธุรกรรม การก้าวสู่ความท้าทายเหล่านี้ได้สำเร็จสะท้อนให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญและความแข็งแกร่งของทีมผู้นำและทีมการเงินของทั้งสองฝ่าย"


การควบรวมกิจการของ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น และ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น ได้ให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและการปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม ข้อมูลสำคัญได้ถูกเปิดเผยให้แก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน หน่วยงานกำกับดูแล เจ้าหนี้ และคู่ค้า เพื่อให้มั่นใจว่าการเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมข้อมูลครบถ้วน การยึดมั่นในหลักการความโปร่งใสนี้ ได้สร้างความเชื่อมั่นต่อทิศทางกลยุทธ์ของทรู คอร์ปอเรชั่นใหม่ สะท้อนผ่านรางวัล 'ดีลแห่งปี' จากตลาดหลักทรัพย์ฯ


มุ่งขับเคลื่อนอนาคตดิจิทัลของประเทศไทย


บริษัทใหม่คาดว่าจะสร้างผลประโยชน์ที่ได้จากการควบรวมกิจการ หรือ “Synergies” มูลค่า 2.5 แสนล้านบาทใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ เทคโนโลยีและไอที การรวมองค์กรและการดำเนินงาน การจัดซื้อในระดับใหญ่ และผลประโยชน์ร่วมด้านรายได้ โดย Synergies นี้จะขับเคลื่อนการดำเนินงานที่มีกำไร ปรับปรุงกระบวนการให้มีประสิทธิภาพ และเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัท


นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "การควบรวมกิจการได้สร้างประโยชน์อย่างมากต่อผู้ใช้งานมือถือและประเทศ การควบรวมทำให้ทรู คอร์ปอเรชั่นสามารถเร่งพัฒนาความครอบคลุมของบริการ 5G เพิ่มคุณภาพโครงข่าย ความน่าเชื่อถือ และความเร็ว มอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้า การผนึกจุดแข็งที่รวมกันของทรู และดีแทคสร้างสรรค์ให้เกิดผลิตภัณฑ์ บริการ และสิทธิพิเศษที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น พร้อมยกระดับประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาสแก่ลูกค้าของเรา ทั้งนี้ นับเป็นการยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลไทย ในการสร้างโอกาสใหม่ทั้งด้านธุรกิจและการสร้างงาน มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีแห่งภูมิภาค "


ราคาหุ้นของทรู คอร์ปอเรชั่น (ชื่อย่อหลักทรัพย์: TRUE) หลังจากกลับมาจดทะเบียนซื้อขายใหม่เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 ได้เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 130 เมื่อเทียบกับต้นปี แสดงให้เห็นถึงการควบรวมได้ดึงดูดการลงทุนและความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ทรูได้รับการปรับอันดับเครดิต (Credit rating) ที่ปรับตัวดีขึ้น และเพิ่มฐานนักลงทุนหุ้นกู้ที่กว้างขึ้นซึ่งมีส่วนช่วยในการเติบโตและเสถียรภาพของตลาดการเงิน นอกจากนี้ การควบรวมยังสร้างโอกาสในการจ้างงานและสนับสนุนผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ในประเทศ ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวม


_____


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

เอสซีจีรับรางวัลเกียรติยศด้านความยั่งยืนกลุ่ม Sustainability Excellence 7 ปีซ้อน พร้อมบริษัทในกลุ่ม SCGP, SCGJWD และ Q-CON คว้ารวม 5 รางวัล ในงาน SET AWARDS 2024

 เอสซีจีรับรางวัลเกียรติยศด้านความยั่งยืนกลุ่ม Sustainability Excellence 7 ปีซ้อน พร้อมบริษัทในกลุ่ม SCGP, SCGJWD และ Q-CON คว้ารวม 5 รางวัล ในงาน SET AWARDS 2024

 


นายชนะ ภูมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารความยั่งยืน เอสซีจี รับรางวัลเกียรติยศบริษัทจดทะเบียนด้านความยั่งยืน (Sustainability Awards of Honor) ซึ่งมอบให้บริษัทที่ได้รับรางวัลด้านความยั่งยืนยอดเยี่ยมติดต่อกันตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป โดยปีนี้เอสซีจีได้รับรางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ในงาน “SET AWARDS 2024” จัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับวารสารการเงินธนาคาร



ขณะที่บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP โดยนายเถลิงศักดิ์ ราชบุรี ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกิจการเยื่อและกระดาษ รับรางวัล Best Innovation Company Awards ในประเภทรางวัล SET Awards of Honor สะท้อนความเป็นเลิศด้านการสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมที่มีคุณค่าช่วยส่งเสริมภาพรวมอุตสาหกรรมให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022-2024 โดยได้วิจัยและพัฒนา “ยูคาลิปตัสไฮบริดสายพันธุ์ใหม่เพื่อความยั่งยืน” ที่ช่วยเสริมมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่า จากการผสมเกสรต่างสายพันธุ์ร่วมกับการพัฒนาเทคนิคชีวโมเลกุลระดับสูงและเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อให้ได้ยูคาลิปตัสสายพันธุ์ใหม่ที่มีการเติบโต และให้ผลผลิตที่สูงขึ้น 40%  สามารถทนโรค ทนแมลง และเหมาะกับพื้นที่ในการปลูกในพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำฝนน้อยและปริมาณน้ำฝนปกติ

ด้านบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGJWD โดยนายบรรณ เกษมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม รับรางวัล Highly Commended Supply Chain Management Awards ซึ่งมอบแก่บริษัทจดทะเบียนที่มีความสามารถโดดเด่นในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานจนเกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อบริษัทและคู่ค้าอย่างเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายที่องค์กรกำหนดจนเป็นที่ตระหนัก จากโครงการจัดการระบบขนส่งและพัฒนานักขับอัจฉริยะ (FLEET MANAGEMENT AND SMART DRIVER) ที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงและพัฒนาระบบการขนส่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด



สำหรับบริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Q-CON (คนที่ 1 จากซ้าย) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือฯ กลุ่มธุรกิจสมาร์ทลีฟวิง(Smart Living) โดยนาย ณรงค์เวทย์ วจนพานิช กรรมการผู้จัดการ รับ 2 รางวัล ในหมวดบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงกว่า 3,000 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ได้แก่ รางวัล Outstanding CEO Awards มอบให้ผู้บริหารสูงสุดที่สร้างความสำเร็จ และเป็นผู้ยึดถือหลักคุณธรรมในการบริหารงาน มีวิสัยทัศน์และความสามารถเชิงกลยุทธ์ ใส่ใจกับกิจกรรมด้านนักลงทุนสัมพันธ์ที่สนับสนุนการสร้างความยั่งยืนให้องค์กร และรางวัล Best Company Performance Awards มอบให้บริษัทที่มีผลการดำเนินงานและการกำกับดูแลกิจการที่ดี ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ได้เป็นอย่างดี


เอสซีจีดำเนินธุรกิจตามแนวทาง Inclusive Green Growth โดยมุ่งสร้างความสามารถในการแข่งขันพร้อมความยั่งยืนทั้งภายในองค์กร ชุมชน และสังคมในวงกว้างผ่านการดำเนินงานตามกลยุทธ์ Regenerative Transformation ประกอบด้วย 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ Net Zero 2050 การเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ด้วยการเน้นใช้พลังงานสะอาด พัฒนาเทคโนโลยี และผลิตสินค้าคาร์บอนต่ำ  Nature Positive เน้นการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ฟื้นฟูระบบนิเวศและความหลากหลายทางธรรมชาติ รวมทั้งปรับตัวต่อความเสี่ยงทางกายภาพที่เกิดจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น และ Inclusive Society การสร้างสังคมที่เป็นธรรมและเท่าเทียม

นอกจากรางวัล SET AWARDS แล้ว เอสซีจียังได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืนในระดับสากล ด้วยการเป็นบริษัทแรกในอาเซียนที่ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในดัชนี DJSI World ตั้งแต่ปี 2004 ในกลุ่มอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง  และอยู่ในกลุ่มผู้นำ 3 อันดับแรกติดต่อกันยาวนานถึง 14 ปี รวมทั้งยังได้รับการจัดอันดับดัชนีความยั่งยืนหรือ ESG Risk Rating ในระดับ Low Risk เป็น ESG Industry Top Rated 2024 ในกลุ่ม Industrial  Conglomerates จาก Morningstar Sustainalytics  และได้รับ MSCI ESG Ratings ระดับ AA (Leader) กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง (Construction Materials) จาก Morgan Stanley Capital International (MSCI) อีกด้วย


_____


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

ทบ. ส่ง มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติไทย เชื่อมสัมพันธ์ทบ.สหรัฐฯ และ กองทัพมิตรประเทศ ในโครงการ "Muaythai for Official"

 ทบ. ส่ง มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติไทย เชื่อมสัมพันธ์ทบ.สหรัฐฯ และ กองทัพมิตรประเทศ ในโครงการ "Muaythai for Official"




พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เจ้ากรมยุทธการทหารบก พร้อม เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก และ รองเจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ในการตรวจเยี่ยม “Muaythai for Official” ทหารบกไทย ทูต Soft Power มวยไทย สู่ทหารมิตรประเทศทั่วโลกที่ "กองทัพบก" ส่ง "มวยไทย" นำร่องไปฝึกทหารสหรัฐฯ โดยมี รองผู้บัญชาการกองกำลังทางบกสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นแปซิฟิคให้การต้อนรับ










ทั้งนี้ทหารสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมฝึก "มวยไทย" กันอย่างคึกคัก หลัง "กองทัพบก" มอบให้ศูนย์พัฒนากีฬา กองทัพบก (มวยไทยลุมพินี) โดยการสนับสนุนของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา และ กกท. ภายใต้โครงการ “Muaythai for Official” จัดส่งชุดครูฝึกมวยไทย ไปทำการฝึกมวยไทยที่ค่าย Schofield Barracks มลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา โดยจะทำการฝึกสอนทหารสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 20 ต.ค.-2 พ.ย.67


////////

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2567

สภท. จับมือกูรูด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม จัดสัมมนาสื่อมวลชน ชู “ไฟฟ้า” คู่ “การลดคาร์บอน” หัวใจสำคัญของการพัฒนาในพื้นที่ EEC

 สภท. จับมือกูรูด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม จัดสัมมนาสื่อมวลชน ชู “ไฟฟ้า” คู่ “การลดคาร์บอน” หัวใจสำคัญของการพัฒนาในพื้นที่ EEC

 


สภท. ร่วมกับ กระทรวงพลังงาน EEC อบก. และ กฟผ. จัดสัมมนาสื่อมวลชนภูมิภาค มุ่งสื่อสารความสำคัญของพลังงานไฟฟ้า และการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ชี้โรงไฟฟ้าและระบบส่งที่มั่นคงและเพียงพอ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจในเขตนครหลวงและภาคกลาง รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

 



วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2567 สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.) ร่วมกับกระทรวงพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดสัมมนาสื่อมวลชน หัวข้อ “ความสำคัญของพลังงานไฟฟ้ากับการเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจในเขตนครหลวงและภาคกลาง” โดยมีสื่อมวลชนจังหวัดนนทบุรี สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา และชลบุรี เข้าร่วม ณ โรงแรม ซีทู พูล วิลล่า รีสอร์ท พัทยา จังหวัดชลบุรี 




นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ระบบเศรษฐกิจของภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง รวมไปถึงจังหวัดใกล้เคียง อาทิ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญด้านศูนย์กลางของระบบคมนาคมและขนส่งสินค้าของประเทศ การพัฒนาสาธารณูปโภค โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคงและเพียงพอ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศให้เกิดการพัฒนาและส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคตพร้อมสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนหรือสร้างฐานการผลิตในประเทศไทย

 



ดร.ธัชพล กาญจนกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยในการบรรยายพิเศษ หัวข้อ การฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมกับความมั่นคงทางด้านพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ EEC ว่า EEC เป็นโครงการต่อยอดการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ อาทิ การขนส่งและโลจิสติกส์ เพื่อช่วยลดเวลาการเดินทางและประหยัดค่าขนส่ง การสร้างเขตส่งเสริมนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ที่ทันสมัย และการศึกษาการจัดการมลพิษทางอากาศในพื้นที่อุตสาหกรรม ปัจจุบันมีผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ 1.3 ล้านราย มีปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุดราว 4,000 เมกะวัตต์ หรือ 15% ของประเทศ สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้สูงสุด 6,000 เมกะวัตต์ และรองรับการขยายตัวได้อีก 2,000 เมกะวัตต์ โดยภาคที่ใช้ไฟฟ้ามากที่สุดคือภาคอุตสาหกรรม และจังหวัดที่ใช้ไฟฟ้ามากที่สุดคือจังหวัดชลบุรี จำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งผลิตที่สำคัญในพื้นที่ใกล้เคียงในพื้นที่ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ จ.นนทบุรี โรงไฟฟ้า              พระนครใต้ จ.สมุทรปราการ และโรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ของ กฟผ. รวมถึงโรงไฟฟ้าเอกชนต่าง ๆ โดยเชื่อมโยงพลังงานไฟฟ้าด้วยระบบโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคต

 


น.ส.ชฎารัตน์ สุนทรเกตุ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานประจำเขต 13 เปิดเผยว่า หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทยเพิ่มขึ้นในทุกภาคส่วน โดยในช่วงเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา มีการใช้ไฟฟ้าในภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ร้อยละ 8.4 และร้อยละ 3.4 ตามลำดับ ปัจจุบัน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ได้จัดทำร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2567 – 2580 (PDP2024) เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางพลังงานโลกที่มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน และในช่วงของการเปลี่ยนผ่านพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด ได้กำหนดนโยบายการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนประเภทต่าง ๆ

 


นายรองเพชร บุญช่วยดี รองผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมการปล่อยก๊าซ CO2 จากการใช้พลังงานในช่วงเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ประเทศไทยปล่อยก๊าซ CO2 รวมทุกสาขา ลดลงร้อยละ 3.3 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งประเทศไทยมีนโยบายด้านพลังงานที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนในรูปแบบต่าง ๆ ที่เป็นพลังงานสะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงทำให้มีการปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก และจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการลดปลดปล่อยก๊าซ CO2 ตามเป้าหมายของประเทศได้

 

นายสมโชค พาหุบุตร ผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างขยายและเสริมความมั่นคงระบบส่งไฟฟ้า กฟผ. เปิดเผยว่า กฟผ. สนับสนุนโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกให้สามารถเดินหน้าและบรรลุตามวัตถุประสงค์พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้มีความมั่นคงและยั่งยืน ผ่านการดำเนินโครงการก่อสร้างและปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันออกหลายโครงการ ได้แก่ สายส่ง 230 กิโลโวลต์ (kV) ชลบุรี 2 - บ่อวิน สถานีไฟฟ้าแรงสูงบางละมุง สถานีไฟฟ้าแรงสูงศรีราชา สถานีไฟฟ้าแรงสูงอ่าวไผ่ เพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าและการส่งจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่ EEC รวมถึงเชื่อมโยงพลังงานไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ และโรงไฟฟ้าพระนครใต้ที่สำคัญของ กฟผ. ในการเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าให้มีเสถียรภาพ ผสานความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ในการเดินหน้าผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานสีเขียว เพิ่มขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป



ด้าน นายอนันต์ นิลมานนท์ นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.60ปี) กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า “วัตถุประสงค์ของการจัดงานสัมมนาครั้งนี้ นับว่าเป็นตัวกลางในการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างคณะสื่อมวลชนจาก 5 จังหวัด สามารถเสริมสร้างภาคีเครือข่ายในการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ดีร่วมกัน และเป็นการสัมมนาที่เป็นประโยชน์กับสื่อมวลชน โดยจะช่วยเพิ่มองค์ความรู้ Upskill ให้กับคณะสื่อมวลชน  ที่ได้มาแลกเปลี่ยนมุมมอง และร่วมรับฟังแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจในเขตนครหลวงและภาคกลาง, การฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมกับความมั่นคงของพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ EEC  และ เข้าใจบทบาทของ EEC ในทุกมิติ เพื่อเป็นแนวทางในการนำไปถ่ายทอดเป็นสื่อ เพื่อนำเสนอให้กับประชาชนรับรู้ รับทราบต่อไป 

____


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

สำนักวิจัยสยามเทคโนโพล วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ฝนกำลังจะหมดฝุ่นกำลังจะมา”

 สำนักวิจัยสยามเทคโนโพล วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ฝนกำลังจะหมดฝุ่นกำลังจะมา” 


โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 23–30 ตุลาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,330 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการรับมือฝุ่น PM 2.5 จากการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับวิธีการลดการรับฝุ่น PM 2.5 พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 98.35 ระบุว่า ใช้หน้ากากอนามัย มากที่สุด รองลงมา ร้อยละ 54.29 ระบุว่า ปิดประตูหน้าต่าง ร้อยละ 48.37 ระบุว่า ลดกิจกรรมนอกอาคาร และร้อยละ 27.81 ระบุว่า ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ เมื่อสอบถามเกี่ยวกับความสำคัญของการลดฝุ่น PM 2.5 อย่างยั้งยืนตามความคิดเห็นของประชาชน พบว่า ร้อยละ 78.67 ระบุว่า มีความสำคัญอยู่ในระดับมาก มากที่สุด รองลงมาคือ ร้อยละ 14.29 ระบุว่า มีความสำคัญอยู่ในระดับปานกลาง และร้อยละ 7.04 ระบุว่า มีความสำคัญอยู่ในระดับน้อย น้อยที่สุด เมื่อสอบถามแนวทางลดฝุ่น PM 2.5 ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดตามความคิดเห็นของประชาชน พบว่า ร้อยละ 45.33 ระบุว่า การควบคุมการปล่อยมลพิษจากยานพาหนะ มากที่สุด รองลงมา ร้อยละ 33.41 ระบุว่า การจัดการปัญหาการเผาในที่โล่งแจ้ง และร้อยละ 21.26 ระบุว่า การควบคุมการปล่อยมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม และเมื่อพิจารณาหน่วยงานที่ประชาชนคาดหวังให้เข้ามาลดฝุ่น PM 2.5 มากที่สุด พบว่า ร้อยละ 34.33 ระบุว่า กรมควบคุมมลพิษ มากที่สุด รองลงมา ร้อยละ 30.45 ระบุว่า กรมการขนส่งทางบก ร้อยละ 24.71 ระบุว่า กระทรวงอุตสาหกรรม และร้อยละ 10.51 ระบุว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 


ดร.ธนเสฎฐ์ อัคคัญญ์ภูดิส

อาจารย์ประจำสำนักวิจัยสยามเทคโนโพล

โทรศัพท์ มือถือ 089-474-9514


สำนักวิจัยสยามเทคโนโพล วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม โทรสาร02-878-5002

E-mail:siamtechno_poll@siamtechno.ac.th

กกท.-กองทุนพัฒนากีฬา ชี้แจง กมธ.การท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา วางมาตรฐานสร้างแรงจูงใจให้นักกีฬาไทย สู่ความเป็นเลิศ

 กกท.-กองทุนพัฒนากีฬา ชี้แจง กมธ.การท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา วางมาตรฐานสร้างแรงจูงใจให้นักกีฬาไทย สู่ความเป็นเลิศ



วันที่ 29 ตุลาคม 2567 ที่ห้องประชุมกรรมาธิการ CA 426 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา ได้มีการประชุม ครั้งที่ 6/2567 โดยมี นายพิศูจน์ รัตนวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการ เป็นประธานการประชุม พิจารณานโยบาย แผนงาน และแนวทางการดำเนินงานของการกีฬาแห่งประเทศไทย และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ 




โดย นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนา 4 แนวทาง  ได้แก่ การพัฒนาหลักสูตรสำหรับพัฒนาบุคลากรการกีฬาที่เป็นมาตรฐาน การพัฒนาเพื่อยกระดับสมรรถนะของบุคลากรการกีฬา การรับรองมาตรฐานบุคลากรการกีฬา และการยกระดับการบริหารจัดการ เพื่อการส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรการกีฬา


รวมทั้งการกำหนดมาตรฐานเพื่อกระตุ้น


และสร้างแรงจูงใจแก่นักกีฬาไทย ให้มุ่งไปสู่ความเป็นเลิศ โดยมอบเป็นเงินรางวัล เชิดชูเกียรติ เพื่อประกาศเกียรติคุณและมอบของรางวัลอันทรงเกียรติให้แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้อง การส่งเสริมกีฬาไทยแต่ละประเภทเพื่อนำไปสู่การจัดการแข่งขันและเข้าร่วมในระดับนานาชาติ และโครงการพัฒนาเมืองกีฬา (Sport City) ตามแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2566 - 2567 ) ซึ่งเมืองกีฬาถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเมืองให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ ปัจจุบันมีจังหวัดที่ได้รับประกาศเป็นเมืองกีฬา (Sport City) ทั้งสิ้น 16 จังหวัด และการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568 


ส่วนปัญหา และอุปสรรค สวนสาธารณะของกกท. ถูกจัดเก็บค่าเช่าที่ เสียภาษีที่ดิน รวมไปถึงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (ร้อยละ 7) และภาษีเงินได้ (ร้อยละ 15) รวมถึงการซื้อลิขสิทธิ์เป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาระดับโลก



ทั้งนี้ ภายหลังจากรับทราบข้อมูลแล้ว คณะกรรมาธิการได้มีประเด็นสอบถาม รวมถึงข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะต่อหน่วยงาน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของหน่วยงานต่อไป

 

ทางด้าน กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยนายทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬา ระบุถึงปัญหาหลัก 4 มิติ ได้แก่ การดำเนินงานยังไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์กีฬาชาติ ความไม่เป็นเอกภาพขององค์กร การไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบและสัญญา รวมถึงการบริหารจัดการกองทุน


ส่วนเป้าหมายที่สำคัญของการบริหารงานกองทุน คือปฏิรูปโครงสร้างองค์กรสู่ความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ พัฒนาระบบดิจิทัลเพื่อการบริหารจัดการข้อมูลอย่างชาญฉลาด ยกระดับทักษะบุคลากรเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการบริการ เสริมสร้างธรรมาภิบาล และระบบบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง ยกระดับการสนับสนุนวงการกีฬาไทยสู่ความเป็นเลิศระดับนานาชาติ  ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในวงการกีฬา

//



พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.หัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เป็นประธานการประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเร่งรัดติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีบริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด

 พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี 

ผู้ช่วย ผบ.ตร.หัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เป็นประธานการประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเร่งรัดติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีบริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด



เมื่อเวลา 10:00 น.วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2567 ณ ห้องประชุมรังสิพราหมณกุล ชั้น 2 บก.ป. ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 4)(สส 2) / หัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เข้าเป็นประธานการประชุมฯ พร้อมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมี




☆ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม

รอง ผบช.ก. 

☆ พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์

รอง ผบช.ก. 

☆ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน

ผบก.ป. 

☆ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ 

ผบก.ปคบ.

☆ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ

รอง ผบก.ป.

☆ พ.ต.อ.สรัลพัฒน์ ยศสมบัติ

รอง ผบก.กต.7

☆ พ.ต.อ.ศราวุธ  สวัสดิชัย

รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี / หน.สง.ฯ

     พร้อมคณะพนักงานสอบสวนสังกัด บช.ก. และ บก.ปคบ. เข้าร่วมประชุมเพื่อเร่งรัดติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีบริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด (คดีทอง น.ส.กรกนก หรือตั๊ก (สงวนนามสกุล) กับพวก ซึ่งเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจและมีผู้เสียหายจำนวนมาก




     การประชุมในครั้งนี้ เป็นการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับบริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด กับพวก โดยในที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาพยานหลักฐานที่รวบรวมมาได้ และร่วมกันกำหนดประเด็นการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความถูกต้อง รัดกุมและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จากนั้นจะได้สรุปสำนวนการสอบสวนพร้อมมีความเห็นทางคดีส่งพนักงานอัยการตามกฎหมายต่อไป





ขอขอบคุณ

พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี 

ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 4)(สส 2)

สนับสนุนข้อมูลข่าวสาร

กลับใจเอารถจยย.ที่ลักไปมาคืนพร้อมอธิบายเหตุผลเมายาบีไฟว์ผมคิดอะไรก็ไม่รู้ได้มาเอารถ จยย.ของพี่ไป

 กลับใจเอารถจยย.ที่ลักไปมาคืนพร้อมอธิบายเหตุผลเมายาบีไฟว์ผมคิดอะไรก็ไม่รู้ได้มาเอารถ จยย.ของพี่ไป



วัดเฉลิม ซ.7 พยามจะขโมยรถ ดู

ทรงน้องหน้าจะยังเด็ก

ลูกหลานใคร ติดต่อหาผมนะ ผมไม่

เอาเรื่องและไม่ทำไร

แต่ถ้าผมไปตามเจอเองรับสภาพให้

ได้นะคับ




เมื่อวันที่  30 ต.ค.2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ซ.วัดเฉลิมพระเกียรติ 7 ต.บางศรีเมือง อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านเช่า พบนายณัฐวุฒิ  บัวขาว อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อคืน 25 ต.ค.ที่ผ่านนมา 19.00 น.ตนได้

นำรถ จยย.ฮอนด้าเวฟ 125 R สีเหลืองทะเบียน 224 พษล กรุงเทพมหานคร ของตนมาจอดเอาไว้ที่ด้านหน้าของห้องพักพอช่วงเช้าพ่อของตนโทรมาบอกให้ตนออกมาดูรถ จยย.ของตนที่จอดเอาไว้เพราะว่าพ่อของตนดูกล้องวงจรปิดอยู่ว่ามี่เด็ดเป็นผู้ชายสองคนเข้ามาเข็นรถ จยย.ของตนออกไปพอตนออกมาดูรถรถ จยย.ของตนหายไปจึงได้เดินหารถ จยย.ของตนจึงพบว่ารถ จยย.ของตนจอดอยู่ข้างบ้านของตน ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ต.ค.เด็กคนที่เข็นรถ จยย.ของตนออกไปตามในกล้องวงจรปิดได้ทักมาหาตนทางเฟสบุคว่าตนได้เป็นเข็นรถ จยย.ออกไปและนัดให้ตนไปเจอกันที่ ซ. เฉลิมพระเกียรติ 8 ตนจึงได้ไปซึ่งตนได้พบเด็กทั้งสองคนในภาพกล้องวงจรปิดอายุประมาณ 14 ปี ทั้งสองคนซึ่งน้องทั้งสองคนพูดคุยไม่ค่อยรู้เรื่องและคนที่เข็นรถของตนออกไปได้บอกกับตนว่าผมเมายาบีไฟว์ผมคิดอะไรก็ไม่รู้ได้มาเอารถ จยย.ของพี่ไปและเข็นรถจยย.ไปที่ ซ.9 และเข็นมาคืนจอดเอาไว้ที่หน้าบ้าน ซึ่งตนให้เด็กคนที่ขโมยรถของตนไปให้พาไปที่บ้านพอไปถึงบ้านพบแต่พี่สาวตนจึงได้บอกกับพี่สาวน้องคนที่เข็นรถของตนออกไปว่าน้องเข้าเข้าไปขโมยรถ จยย.ของตนในบ้านและได้ขอเบอร์โทรศัพท์ แม่ของน้องมาจึงได้รู้ว่าน้องซื่อสิงโต อายุ 14 ปีแม่น้องสิงโตได้โทรศัพท์มาร้องให้พูดคุยกับและขอโทษกับที่น้องเข้ามาขโมยรถ จยย.ของตนซึ่งตนก็ได้ฝากให้แม่ของน้องสิงโตตักเตือนน้องให้ดีอย่าคิดมาทำแบบนี้อีกอย่ามาหัดเป็นขโมยตั้งแต่เด็กแบบนี้ถ้าตนแจ้งความน้องถูกจับเดี๋ยวจะเสียอนาคตซึ่งตนก็ไม่ได่แจ้งความเพราะสงสารน้องเขายังเด็กอยู่ก็อยากฝากถึงพ่อกับแม่ให่ดูแลลูกๆให้ดีอย่ามาทำแบบนี้อีก