วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568

กัลฟ์ มอบ 18 ล้านบาท หนุน รพ.จุฬาฯ จัดหาเทคโนโลยีส่องกล้อง เพื่อทำลายเนื้องอกตับอ่อนไร้แผล สำเร็จแห่งแรกในอาเซียน

 กัลฟ์ มอบ 18 ล้านบาท หนุน รพ.จุฬาฯ จัดหาเทคโนโลยีส่องกล้อง เพื่อทำลายเนื้องอกตับอ่อนไร้แผล สำเร็จแห่งแรกในอาเซียน



ปัจจุบันองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางการแพทย์มีความก้าวหน้าและทันสมัย ทำให้การดูแลรักษาผู้ป่วยมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่างเทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อนแบบไร้แผล (Endoscopic Ultrasound-Guided Radiofrequency Ablation, EUS–RFA) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยรักษาแทนการผ่าตัด ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ทำกิจวัตรประจำวัน รับประทานอาหารได้ตามปกติ และกลับบ้านได้ภายใน 24 – 48 ชั่วโมง จากความสำคัญดังกล่าว บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ได้สนับสนุนงบประมาณกว่า 18 ล้านบาท แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร เพื่อจัดหาเทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อน ทำให้ทีมแพทย์เป็นผู้บุกเบิกการใช้เทคโนโลยี EUS-RFA ในการทำลายเนื้องอกตับอ่อนแบบไร้แผลได้สำเร็จเป็นแห่งแรกในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน




เทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อนไร้แผล เป็นนวัตกรรมที่ผสานการส่องกล้องอัลตราซาวด์ผ่านทางเดินอาหาร (Endoscopic Ultrasound – Guided, EUS) เข้ากับการใช้คลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency Ablation, RFA) เพื่อรักษาเนื้องอก หรือรอยโรคภายในอวัยวะในช่องท้อง โดยเฉพาะตับอ่อน ตับ ต่อมน้ำเหลือง และทางเดินน้ำดี ด้วยความแม่นยำสูง ภายใต้การมองเห็นแบบ Real–time ทำให้สามารถระบุตำแหน่งรอยโรคและส่งเข็มพิเศษที่มีขั้ว RFA เข้าไปยังเป้าหมายโดยตรง จากนั้นปล่อยพลังงานความร้อน เพื่อทำลายเนื้องอกเฉพาะจุด โดยไม่กระทบต่อเนื้อเยื่อข้างเคียงมากนัก ที่สำคัญยังใช้เวลาในรักษาประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง และยังสามารถใช้ร่วมกับการรักษาอื่น อาทิ เคมีบำบัด หรือใช้เป็นการรักษาหลักในผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้อีกด้วย




นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทกัลฟ์มีความมุ่งมั่นสนับสนุนการศึกษาและสาธารณสุขมาโดยตลอด โดยเฉพาะการจัดหาเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์และโรงพยาบาลของรัฐ เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมมอบเทคโนโลยีนี้ให้กับโรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้จำนวนมาก การสนับสนุนในครั้งนี้เป็นการส่งเสริมความพร้อมด้านเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานของทีมแพทย์ เราหวังว่าผู้ป่วยจะสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และโรงพยาบาลจะมีศักยภาพในการรักษาผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในระยะยาว นำมาซึ่งสุขภาพกายที่แข็งแรงและประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วยและโรงพยาบาล”



รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อํานวยการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “โรงพยาบาลจุฬาฯ เป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้รักษาผู้ป่วยมาหลายปี และได้รับผลลัพธ์ที่ดี การจัดงานในวันนี้มีขึ้นเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน แพทย์ และพยาบาล เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีส่องกล้องรักษาเนื้องอกตับอ่อนโดยไม่ต้องผ่าตัด เราขอขอบคุณ GULF ที่ให้การสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งมาโดยตลอด”



รศ.นพ.ประเดิมชัย คงคำ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยโรคตับอ่อน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และผู้ช่วยอธิการบดีด้านแผนและงบประมาณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัจจุบันการรักษาแบบมาตรฐานของโรคเนื้องอกตับอ่อน คือ การผ่าตัดเปิดหน้าท้องเพื่อนำเนื้องอกออก ซึ่งเป็นการผ่าตัดใหญ่ ซับซ้อน ใช้เวลานาน 6 – 8 ชั่วโมง เสี่ยงต่อการเสียเลือดและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ บางรายต้องดูแลต่อในห้องผู้ป่วยวิกฤต 


“เนื่องจากตับอ่อนมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยที่เป็นเนื้องอกตับอ่อน จะมีปริมาณอินซูลินสูงกว่าปกติ จึงมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำตลอดเวลา ในรายที่อาการไม่มากอาจจะมีอาการอ่อนเพลีย เวียนศรีษะ หิวบ่อย มือสั่น ในสั่น เหงื่อแตก หรือผู้ป่วยบางรายต้องรับประทานอาหารบ่อยถึงวันละ 6 มื้อ เพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บางรายที่มีอาการมาก อาจจะรุนแรงถึงชักหรือหมดสติได้ ด้วยเหตุนี้ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จึงได้นำเทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อนมาใช้ในผู้ป่วยกลุ่มนี้แทนการผ่าตัด ทำให้ฟื้นตัวเร็ว และสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ทำกิจวัตรประจำวันและรับประทานอาหารได้ตามปกติ ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านได้ภายใน 24-48 ชั่วโมง การรักษาด้วยเทคโนโลยีนี้ถือเป็นแห่งแรกในประเทศไทยและในอาเซียน”


ผู้ป่วยท่านหนึ่งที่ได้รับการรักษาด้วยเทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อนไร้แผล บอกว่า “ตนมีอาชีพเป็นช่างทำเล็บ เวลาทำงานจะรู้สึกเหนื่อยเร็ว บางครั้งมีอาการใจสั่น เหงื่อแตก รวมถึงหน้ามืด วูบ หมดสติ แต่หากได้ดื่มน้ำหวาน หรือกินของหวานจะรู้สึกดีขึ้น ที่แรกก็คิดว่าแค่น้ำตาลตก แต่เมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง พบว่าตนเป็นเนื้องอกในตับอ่อน ซึ่งค่ารักษาพยาบาลอยู่ที่ 2 – 3 แสนบาท จนได้รับการส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย”


“ก่อนหน้านั้นได้หาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษา และพบว่าที่โรงพยาบาลจุฬาฯ มีเครื่องมือที่สามารถทำลายเนื้องอกตับอ่อนแทนการผ่าตัดได้ จึงได้ปรึกษาคุณหมอเพื่อเปรียบ จนสุดท้ายจึงเลือกการรักษาด้วยเทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อนไร้แผล เนื่องจากใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นาน ตนต้องทำงาน ที่สำคัญหลังจากทำแล้วสามารถกิจวัตรประจำวัน และรับประทานอาหารได้ตามปกติอีกด้วย”


เช่นเดียวกับผู้ป่วยอีกท่านที่ได้รับการรักษาด้วยเทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อนไร้แผล บอกว่า “ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม และมหาวิทยาลัย ตนจะมีอาการมึนงง ใจสั่น และบางครั้งมีอาการหน้ามืด วูบ หมดสติ ปีหนึ่งเป็นมากกว่า 3 – 4 ครั้ง จนล่าสุดเมื่อปี 2566 มีการวูบหมดสติ และได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งหลังจากทำ CT Scan เพื่อตรวจหาความผิดปกติอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายพบกว่ามีเนื้องอกที่ตับอ่อน จึงทำการรักษาด้วยการผ่าตัด” 


“หลังจากการผ่าตัดประมาณ 5 วัน พบว่าตัวเองยังมีอาการเบลอ มีภาวะน้ำตาลต่ำอยู่ตลอด และต้องให้น้ำเกลืออยู่เป็นเดือน จนได้รับการส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งหลังจากจากทำ CT Scan และ MRI อย่างละเอียดอีกครั้ง พบว่าเนื้องอกในตับอ่อนยังมีหลงเหลืออยู่ และหากใช้วิธีการผ่าตัดจะมีความเสี่ยงต่อร่างกาย จึงได้รับการรักษาด้วยเทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อน ซึ่งเวลาพักฟื้นน้อยมาก ประมาณ 2 วัน เมื่อเทียบกับการผ่าตัดก่อนหน้านั้น และสามารถทำงาน ทำกิจวัตรช่วยเหลือตัวเองได้ ที่สำคัญไม่ต้องกินอาหาร หรือของหวานบ่อย ๆ อีกต่อไป”


ถึงตรงนี้ รศ.นพ.ประเดิมชัย บอกว่า เทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อนไร้แผลนี้ได้รับการพัฒนาเมื่อไม่นานมานี้ ราว 3 – 5 ปี และโรงพยาบาลจุฬาฯ เป็นหน่วยงานแห่งแรก ๆ ของโลกที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีนี้ในการรักษาผู้ป่วย ต้องขอขอบคุณผู้สนับสนุนอุปกรณ์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ใหม่ ๆ ที่ทำให้เรามีเครื่องไม้เครื่องมือในการดูแลและรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญยังต้องติดตามการรักษาด้วยวิธีการดังกล่าวในระยะยาว รวมถึงขยายผลการรักษานี้ไปยังผู้ป่วยกลุ่มอื่น ๆ ตลอดจนเผยแพร่ความรู้ ทักษะ ในการใช้เทคโนโลยีนี้ให้กับแทพย์ในประเทศไทยต่อไป


อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา GULF มีความมุ่งมั่นตอบแทนสังคมภายใต้แนวคิด “Powering the Future, Empowering the People” โดยให้ความสำคัญในด้านสาธารณสุข การศึกษา และสิ่งแวดล้อม ในด้านสาธารณสุข GULF เน้นสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลต่าง ๆ ผ่านการมอบเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยในระยะยาว รวมถึงดำเนินโครงการด้านสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง อาทิ มอบทุนการศึกษาให้ผู้ป่วยในความดูแลของศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และโครงการทันตกรรมเคลื่อนที่ GULF Sparks Smiles ปีที่ 5 ที่ร่วมกับคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกหน่วยทำฟันฟรีให้กับคนในชุมชนทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและส่งเสริมการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพสำหรับประชาชน

________


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

สมาคมการประมงปัตตานี ร่วมกับ กำลังพลภาค 4 และ ศอ.บต. ร่วมส่งอาหารทะเลอบแห้งและของใช้จำเป็น จากใจชายแดนใต้ ช่วยแนวหน้าชายแดนไทย-กัมพูชา กว่า 6 พันชุด

 สมาคมการประมงปัตตานี ร่วมกับ กำลังพลภาค 4 และ ศอ.บต. ร่วมส่งอาหารทะเลอบแห้งและของใช้จำเป็น จากใจชายแดนใต้ ช่วยแนวหน้าชายแดนไทย-กัมพูชา กว่า 6 พันชุด




วันนี้ ( 1 สิงหาคม  2568 ) เวลา 15.00 น. ที่สมาคมการประมงจังหวัดปัตตานี  ตำบลบานา  อำเภอเมืองปัตตานี  จังหวัดปัตตานี พลโท ไพศาล หนูสังข์  แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมคณะผู้บังคับบัญชาและภาคีเครือข่าย นำโดย นายนันทพงศ์ สุวรรณรัตน์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ , คุณ อันน์เกตุ ลีลาไพบูลย์ นายกสมาคมการประมงจังหวัดปัตตานี, นายวีระ ศรีชัย หัวหน้าท่าเทียบเรือประมงปัตตานี และน้ำใจจากพี่น้องประชาชนชายแดนใต้ ร่วมส่งธารน้ำใจ ผ่านเครื่องอุปโภค บริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง จำนวนกว่า 1,000 ชุด และอาหารทะเลอบแห้งกว่า 5,000 ชุด โดยลำเลียงด้วยรถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่ จากมณฑลทหารบกที่ 46 ไปยังมณฑลทหารบกที่ 25 ค่ายวีรวัฒน์โยธิน อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ส่งตรงถึงมือสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของทหารหาญที่อยู่แนวหน้า รวมถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนที่ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนไปอยู่ศูนย์พักพิงเพื่อความปลอดภัย 











นอกจากนี้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ได้เปิดศูนย์รับบริจาคเครื่องอุปโภคและบริโภค สิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันให้พี่น้องชาวใต้ ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนอีสานใต้ จากสถานการณ์การสู้รบพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา และช่วยเหลือภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ ด้วยการร่วมบริจาคแบ่งปัน เสื้อผ้า อาหารแห้ง หรือสิ่งของจำเป็นต่างๆ ที่ สำนักมวลชนและกิจการพิเศษ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม หมายเลขโทรศัพท์ 095-949-5549 (พันโท พุฒิเศรษฐ์ ตั้งเชยวิไล) “ร่วมส่งธารน้ำใจไทยจากแดนใต้…สู่ชายแดนอีสานใต้ บุรีรัมย์ สุรินทร์  อุบลราชธานี ศรีสะเกษ  และช่วยน้ำท่วม จังหวัดภาคเหนือของไทย”

รัฐมนตรีเกษตรฯและคณะ ลงพื้นที่ร้อยเอ็ด ติดตามโครงการชลประทาน – มอบโฉนดที่ดินและปัจจัยการผลิต เกษตรกรกว่า 4,000 คนได้รับประโยชน์

 รัฐมนตรีเกษตรฯและคณะ ลงพื้นที่ร้อยเอ็ด ติดตามโครงการชลประทาน – มอบโฉนดที่ดินและปัจจัยการผลิต เกษตรกรกว่า 4,000 คนได้รับประโยชน์ 

 


 วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 น. นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดร้อยเอ็ด รวม 3 อำเภอ ได้แก่ โพนทอง หนองพอก และโพธิ์ชัย โดยมีนายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนให้การต้อนรับอย่างคึกคัก 

 



 ช่วงเช้า เริ่มต้นที่ วิทยาลัยการอาชีพโพนทอง ตำบลแวง อำเภอโพนทอง เพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้า โครงการประตูระบายน้ำกูดก่วง จากกรมชลประทาน โดยมีนายฐนันดร์ สุทธิพิศาล รองอธิบดีฯ นำเสนอรายละเอียดการก่อสร้างอาคารบังคับน้ำ พร้อมมอบ ปัจจัยการผลิตจาก 6 หน่วยงาน แก่เกษตรกร เช่น เมล็ดพันธุ์ ไข่ไก่ ลูกพันธุ์ปลา ปุ๋ยหมัก และน้ำหมักชีวภาพ 

 



 จากนั้น เดินทางไปยัง โรงเรียนหนองพอกวิทยาลัย อำเภอหนองพอก เพื่อเป็นประธานในพิธี มอบโฉนดเพื่อการเกษตร จำนวน 1,000 ฉบับ และมอบปัจจัยการผลิตจาก 8 หน่วยงาน เช่น หม่อนชำถุง ปอเทือง อาหารสัตว์ พร้อมบริการทำหมันสุนัข-แมว โดยมีเกษตรกรเข้าร่วมกว่า 1,500 คน 

 


 ช่วงบ่าย คณะเดินทางต่อไปยัง หอประชุมอำเภอโพธิ์ชัย เพื่อมอบ โฉนดที่ดินอีก 1,000 ฉบับ ครอบคลุมพื้นที่ ตำบลโพธิ์ชัย และตำบลโพนทอง พร้อมทั้งมอบปัจจัยการผลิตจาก 11 หน่วยงาน เช่น หญ้าแพงโกล่า ต้นยาง ต้นพันธุ์มะนาว แหนแดง และอาหารสัตว์ รวมทั้งพบปะและให้กำลังใจเกษตรกรกว่า 1,500 คน 

 



 ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีฯ ได้กล่าวว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดยการมอบโฉนดที่ดินจะเปิดโอกาสให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งทุน เข้าถึงบริการภาครัฐ และต่อยอดพัฒนาอาชีพเพื่อความมั่นคงในระยะยาว พร้อมขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันขับเคลื่อนงานภาคเกษตรในครั้งนี้อย่างแข็งขัน. 

 


/////// 

คมกฤช พวงศรีเคน ข่าว/ภาพ 

จันทร์เพ็ญ จารุจำรัส (เอ็ม) สำนักข่าว ข่าวไทยนิวส์ ข่าว   

สุทธิชัย อุปปะ (เต็ม) บก.สำนักข่าว ข่าวไทยนิวส์ T.092 910 8932 รายงาน 

มทร.สุวรรณภูมิ"สุดเจ๋ง"วิจัยนำ"หินฝุ่น"ทำอิฐบล็อก ช่วยชุมชนทำเองใช้เองสร้างธุรกิจ Start up ลดต้นทุนการผลิตได้ 20 เท่า

 มทร.สุวรรณภูมิ"สุดเจ๋ง"วิจัยนำ"หินฝุ่น"ทำอิฐบล็อก ช่วยชุมชนทำเองใช้เองสร้างธุรกิจ Start  up ลดต้นทุนการผลิตได้ 20 เท่า



 นายธีรพล ขุนเมือง อดีตอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการประสานงานความร่วมมือกับจังหวัดสุพรรณบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (มทรส.) เปิดเผยว่า มทรส.มีแนวทางในการผลิตบัณฑิตคุณภาพเพื่อเป็นนักปฏิบัติมืออาชีพ เน้นนำงานวิจัยและนวัตกรรมมาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยให้นักศึกษามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต และมีรายได้ระหว่างเรียน มีความพร้อมสู่การทำงานเมื่อสำเร็จการศึกษา ทั้งนี้ คณะวิศวกรรมศาสตร์ฯ

มทรส.ได้ทำการวิจัยโดยนำหินฝุ่นที่มีจำนวนมากของโรงโม่หิน ในจังหวัดสุพรรณบุรี มาพัฒนาโมเดลธุรกิจกระเบื้องปูพื้นคอนกรีตสู่เชิงพาณิชย์ในกรอบเศรษฐกิจ BCG เพื่อการพัฒนายั่งยืนสู่ชุมชน เพื่อสร้างนวัตกรรมการผลิต"บล็อกประสานสุวรรณภูมิ"สู่เชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างธุรกิจ start up ที่สอดคล้องกับแนวทาง BCG model โดยนำอัตราส่วนผสมการผลิตบล็อกประสานที่เหมาะสมนำไปจดความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ตลอดจนวิเคราะห์เพื่อสร้างธุรกิจบล็อกประสานสุวรรณภูมิ  ทั้งนี้ ได้ทำการขอจดทรัพย์สินทางปัญญาประเภท อนุสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว เมื่อ

วันที่ 8 มิ.ย 68 โดยใช้พื้นที่ในการจัดสร้างแปลงจัดทำอิฐบล็อกขนาดเล็กเพียง 2.00 × 2.00 เมตร ซึ่งสามารถให้ชุมชนแต่ละครัวเรือน จัดทำได้ด้วยตนเองสามารถผลิตได้เองและนำไปใช้ได้ พร้อมพัฒนาสร้างเป็นธุรกิจ start  upได้ด้วย

 นายธีรพล กล่าวต่อไปว่า ผลงานวิจัยในครั้งนี้ สามารถลดต้นทุนการผลิตได้กว่า 20 เท่า ตลอดจนกระบวนการผลิตสามารถลดมลภาวะ และใช้เวลาระยะสั้น ตลอดจนสามารถปรับหน้าอิฐบล็อกให้สวยงามตามความต้องการได้





"เดชอิศม์ มท.3​" แต่งตั้ง "ปรพล"​ เป็นคณะที่ปรึกษา​ช่วยงาน​ มท.3

 "เดชอิศม์ มท.3​" แต่งตั้ง

"ปรพล"​ เป็นคณะที่ปรึกษา​ช่วยงาน​ มท.3


เดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เเต่งตั้ง ปรพล อดิเรกสาร อดีต ส.ส.สระบุรี 2 สมัย​ เเละสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นคณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.3)  เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568



โดย​ ปรพล อดิเรกสาร

ทายาทราชครู รุ่นที่ 4

เป็นหลานชายของพล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  2 สมัย เเละ เป็นเครือญาติกับ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เเละ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ​


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย​(สภท.60ปี)​

วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2568

โรงพยาบาลพญาไท 3 ร่วมกับ โรงเรียนฐานปัญญา จัดอบรมการปฐมพยาบาลและ ช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (CPR) เพิ่มโอกาสการรอดชีวิต.

 โรงพยาบาลพญาไท 3 ร่วมกับ โรงเรียนฐานปัญญา จัดอบรมการปฐมพยาบาลและ ช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (CPR) เพิ่มโอกาสการรอดชีวิต......................



เมื่อวันที่ 31 กรกฏาคม 2568 โรงพยาบาลพญาไท 3 จัดอบรมการช่วยเหลือชีวิตขั้นพื้นฐาน CPR   โดยได้รับเกียรติจาก  นายแพทย์ อภิชัย โตวณะบุตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการแพทย์โรงพยาบาลพญาไท 3  และ อาจารย์ ยศวัจน์ ตระกูลอำนวยผล หัวหน้าฝ่ายกิจกรรมนักศึกษาวิชา ทหาร ให้เกียรติกล่าวต้อนรับ บรรดา นักเรียนศึกษาวิชาทหาร ( รด.).....การเข้าอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานนี้ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการนำไปใช้ช่วยเหลือประชาชน และผู้ประสพเหตุหมดสติ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน  ภายในงานมีการสอนวิธีช่วยเหลือชีวิตขั้น พื้นฐาน CPR ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ตลอดการใช้เครื่อง กระตุกหัวใจไฟฟ้า (AED) ให้ผู้ร่วมเข้ารับการอบรมได้ปฏิบัติจริง ทำให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น  โดยได้วิทยากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง   พว.ดวงพร แหล่งหล้า  พยาบาลชำนาญการ    และ ทีมพยาบาล รพ.พญาไท3 เป็นผู้ให้ความรู้ในครั้งนี้ เพื่อใช้ในการช่วยเหลือประชาชน เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ได้ทันท่วงที และ นำส่งต่อถึงมือแพทย์ได้ย่างปลอดภัย










โรงพยาบาลพญาไท3 มีความยินดีอย่างยิ่งที่ไว้วางใจให้เราได้ดูแล และหวังว่านักเรียนศึกษาวิชาทหาร ทุกท่านจะได้นำความรู้ที่ได้ไปใช้ ให้เกิดประโยชน์ในการดูแลประชาชน ช่วยเหลือสังคมต่อไป

เสิร์ฟโมเมนต์ใจละลาย! ทรู-ดีแทคมอบประสบการณ์สุดพิเศษ ให้ลูกค้ารับเครื่อง Galaxy Z Fold7 | Flip7 จากมือซุปตาร์ “ภูวินทร์” แฟนคลับฟินไม่ไหว ในงาน “Lucky Galaxy Fans with Phuwin by True dtac 5G”

 เสิร์ฟโมเมนต์ใจละลาย! ทรู-ดีแทคมอบประสบการณ์สุดพิเศษ ให้ลูกค้ารับเครื่อง Galaxy Z Fold7 | Flip7 จากมือซุปตาร์ “ภูวินทร์” แฟนคลับฟินไม่ไหว ในงาน “Lucky Galaxy Fans with Phuwin by True dtac 5G”



กรุงเทพฯ 1 สิงหาคม 2568 – เหนือกว่าทุกประสบการณ์ เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ บนเครือข่าย5G ที่เร็วแรง และปลอดภัยที่สุด...ทรู ดีแทค จัดโมเมนต์สุดพิเศษ  ให้แฟนคลับใจบางไม่ไหวรับเครื่อง Samsung Galaxy Z Fold7 | Z Flip7 เอ็กคลูซีฟเหนือใครในงาน “Lucky Galaxy Fans with Phuwin by True dtac 5G” เสิร์ฟความฟินให้ลูกค้าที่จองเครื่องกับทรู ดีแทค ระหว่างวันที่ 9 – 23 ก.ค. 68 พร้อมสิทธิ์รับเครื่องใหม่จากมือพรีเซนเตอร์หนุ่มขวัญใจ “ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน” แบบใกล้ชิด   บรรยากาศในงาน เต็มไปด้วยรอยยิ้มและอินเนอร์น่ารักเกินต้าน!  งานนี้บอกเลยว่าแฟน ๆ ทั้งเขิน ทั้งปลื้ม ทั้งได้เครื่องใหม่สุดล้ำกลับไปครอบครองอย่างภาคภูมิใจ  โดยมี คุณปิยะพันธุ์ นาคะโยธิน หัวหน้าสายงานบริหารธุรกิจค้าปลีก บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมแสดงความยินดีกับลูกค้าผู้โชคดี ณ ทรูแบรนดิ้ง ช็อป สยามพารากอน

 


ลูกค้าทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า…นี่คือประสบการณ์ที่ไม่อาจลืม ทั้งได้พบศิลปินที่ชื่นชอบอย่างใกล้ชิด และได้เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ล้ำที่สุดจาก Samsung บนเครือข่ายทรู ดีแทค 5G ที่ดีที่สุด

 


สำหรับลูกค้าทั่วไป สามารถเป็นเจ้าของ Samsung Galaxy Z Fold7 | Z Flip7 ได้แล้วที่ทรู ดีแทค พร้อมรับสิทธิพิเศษสุดคุ้ม ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 ส.ค. 68

 

เครื่องพร้อมแพ็กเกจ

• เก่าแลกใหม่ ลดเพิ่มสูงสุด 8,000 บาท

• ยิ่งอยู่นาน ยิ่งลดเพิ่ม นำอายุการใช้งานแลกส่วนลดเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท

• เน็ตไม่อั้น อันลิมิเต็ด บนเลนพิเศษ กับแพ็กเกจ 5G SUPER GAMER

• คุ้มครองจอนาน 2 ปี (ไม่รวมอุบัติเหตุ)

• เลือกผ่อน 0% นาน 36 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ หรือรับเครดิตเงินคืน 55% หรือเลือกผ่อนสบายไม่ง้อบัตร นาน 48 เดือน กับ PAY NEXT EXTRA พร้อมรับเครดิตเงินคืน รวมสูงสุด 5,000 บาท

 


เครื่องเปล่าไม่ติดสัญญา

• เก่าแลกใหม่ ลดเพิ่มสูงสุด 7,000 บาท

• ยิ่งอยู่นาน ยิ่งลดเพิ่ม นำอายุการใช้งานแลกส่วนลดเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท

• รับคุ้มครองจอนาน 2 ปี (ไม่รวมอุบัติเหตุ)

• เลือกผ่อน 0% นาน 10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ หรือรับเครดิตเงินคืน 55% หรือเลือกผ่อนสบายไม่ง้อบัตร นาน 48 เดือน กับ PAY NEXT EXTRA พร้อมรับเครดิตเงินคืน รวมสูงสุด 5,000 บาท



 


สนใจเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ทุกไลฟ์สไตล์เหนือกว่าที่เคยพับ บนเครือข่ายที่เร็วแรง และปลอดภัยที่สุด ได้ที่ https://www.true.th/store/online-store/shop/samsunggalaxy-z-series-flip7-fold7

 

#Truedtac5GXPhuwin #GalaxyZFold7 #GalaxyZFlip7 #Samsung #Truedtac5G

____


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย

กยท. เปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ป้องกันโรคใบร่วง เดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมยกระดับความมั่นคงทางอาชีพแก่ชาวสวนยาง

 กยท. เปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ป้องกันโรคใบร่วง เดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมยกระดับความมั่นคงทางอาชีพแก่ชาวสวนยาง



วันนี้ (1 ส.ค. 68) ณ โรงแรมเดอ ศิตา ปริ้นเซส บุรีรัมย์ – การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) โดย ดร.เพิก เลิศวังพง รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท. เป็นประธานเปิดโครงการอบรม “การบริหารจัดการและป้องกันกำจัดโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา” ประจำปีงบประมาณ 2568 พร้อมมอบนโยบายในการดำเนินงานขับเคลื่อนการแก้ปัญหาโรคใบร่วงแก่พนักงาน กยท. และเกษตรกรชาวสวนยางในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม



ดร.เพิก กล่าวว่า การจัดโครงการอบรมฯ ในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา พร้อมแนวทางการบริหารจัดการที่เหมาะสม เพื่อให้เกษตรกรสามารถรับมือกับปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน นอกจากนี้ ยังเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ระหว่างเกษตรกรชาวสวนยาง ผู้เชี่ยวชาญ และพนักงาน กยท. ซึ่งจะช่วยลดการแพร่ระบาดและความรุนแรงของโรคในพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรมเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยโครงการอบรมฯ ในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญมาร่วมบรรยายในหัวข้อสำคัญ ได้แก่ “การใช้น้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำในการป้องกันโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา” โดย พันโทโสมนัส ลพล้ำเลิศ หัวหน้าชุดปฏิบัติการน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำของ กยท. , “แนวทางการดำเนินงานของฝ่ายพัฒนาฯ ที่สนับสนุนการดำเนินงานโรคใบร่วงฯ” โดยนายกิตติชัย เหลี่ยมวานิช หัวหน้ากองส่งเสริมเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร และ “การบริหารจัดการและป้องกันกำจัดโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา” โดยนางธมลวรรณ  โทนุสิน นักวิชาการเกษตร ศูนย์วิจัยยางบุรีรัมย์ และ นอกจากนี้ ยังได้จัดพิธีมอบรางวัลให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางในพื้นที่ที่ผลงานโดดเด่น ได้แก่ รางวัล Smart Farmer ต้นแบบ, รางวัลแปลงใหญ่ยางพาราดีเด่น และรางวัลเกษตรกร สถาบันเกษตรกร เครือข่ายดีเด่น ระดับเขตและระดับประเทศ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและแสดงถึงความภาคภูมิใจในอาชีพการทำสวนยาง



 “กยท. เชื่อมั่นว่าองค์ความรู้ที่ได้รับจากการอบรมในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง พร้อมยกระดับศักยภาพในการดูแลสวนยางของตนเองได้อย่างมั่นใจ นำไปสู่ความมั่นคงในอาชีพ ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว” ดร.เพิก กล่าวทิ้งท้าย




____


#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย