ข่าว - กรมราชทัณฑ์ ขานรับนโยบาย ยธ.-ศอ.บต. เปิดหลักสูตรศาสนาในเรือนจำ ดึงผู้ต้องขังคืนสู่สังคม
ในห้วงเวลาที่การปราบปรามยาเสพติดยังคงเดินหน้าอย่างเข้มข้นในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้นำเสนอมิติ ใหม่ของการแก้ไขปัญหาด้วยการเปิด "ปอเนาะ" ในเรือนจำ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการนำร่องที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูผู้ต้องขังมุสลิมให้กลับคืนสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ
แนวคิดดังกล่าวไม่ใช่เพียงนโยบายจากภาครัฐ แต่เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับความต้องการของคนในพื้นที่อย่างแท้จริง ทั้งนักวิชาการและครอบครัวผู้ต้องขังต่างมองเห็นถึงโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้ที่ก้าวพลาด
ดร. อับดุลฮาฟิซ หิเล เจ้าของโรงเรียนลุกมานูลฮากีม จ.ยะลา ชี้ว่าโครงการนี้เป็นมิติที่ถูกใจชาวบ้านและสามารถทำได้จริง โดยเสนอให้สร้างบรรยากาศภายในเรือนจำให้เหมือนกับสถาบันการศึกษาทางศาสนา "อยากให้เขารู้สึกว่าเขาอยู่ในปอเนาะ" ดร. อับดุลฮาฟิซกล่าวว่า เพียงแค่จัดห้องเรียนให้โต๊ะครูเข้าไปสอนวิชาศาสนาตามแบบดั้งเดิมของปอเนาะ นั่นคือการเรียนอัลกุรอาน ฮาดิส และกีตาบ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยหล่อหลอมจิตใจของผู้ต้องขังให้ดีขึ้น
นอกจากนี้ยังมองการณ์ไกลไปถึงการ ต่อยอดการศึกษา โดยแนะนำให้แยกกลุ่มผู้ต้องขังที่จบการศึกษาระดับมัธยมปลายแล้ว ให้มีโอกาสเรียนต่อปริญญาตรีแบบออนไลน์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ต้องขังเหล่านี้มีอนาคตที่มั่นคงหลังพ้นโทษ
เสียงสะท้อนจากครอบครัวผู้ต้องขังยิ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของโครงการนี้ นางเยาะ แม่ของผู้ต้องขังรายหนึ่งในพื้นที่ภาคใต้ กล่าวด้วยน้ำเสียงแห่งความหวังว่า "ถ้าในเรือนจำมีปอเนาะด้วย ยิ่งดีมาก จะขอบคุณมากเพราะเชื่อว่าศาสนาจะสอนคนให้ดีได้"
เธอกล่าวว่า ลูกชายของเธอที่เคยติดยาเสพติด ตอนนี้ เมื่อเข้าไปอยู่ในเรือนจำได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างน่าประหลาดใจแล้ว ทั้งได้ละหมาดไม่ขาด และการอ่านอัลกุรอาน เมื่อก่อนไม่เคยทำเลย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนเป็นแม่เป็นอย่างมาก การมีปอเนาะในเรือนจำจึงไม่ใช่แค่การเพิ่มโอกาสทางการศึกษา แต่เป็นกระบวนการเยียวยาจิตใจที่สำคัญที่สุดที่จะนำผู้ต้องขังเหล่านี้กลับสู่เส้นทางที่ถูกต้องอีกครั้ง
นายศรชัย ตลาสุข ผู้บัญชาการเรือนจำกลางยะลา รักษาการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางปัตตานี เปิดเผยว่า ตอนนี้กำลังดำเนินการจัดตั้ง ศูนย์การเรียนการสอนอัลกุรอานระบบกีรออาตี ( เป็นนวัตกรรมการอ่านคัมภีร์อัลกุรอ่านแบบมีผลสัมฤทธิ์เร็ว) โดยร่วมมือกับกระทรวงยุติธรรมและ ศอ.บต. เพื่อพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขังมุสลิมและป้องกันการกลับไปกระทำผิดซ้ำ ทางเรือนจำได้คัดเลือกผู้ต้องขังคดีความมั่นคงและคดีอื่นๆ ที่มีความรู้ด้านศาสนาเพื่อพัฒนาไปสู่การเป็น "ครูผู้ช่วยสอน" โดยมีเป้าหมายเพื่อถ่ายทอดความรู้และทักษะให้กับผู้ต้องขังคดียาเสพติดและผู้ต้องขังอื่นๆ
การเรียนรู้และเข้าใจความหมายของคัมภีร์อัลกุรอานจะช่วยให้ผู้ต้องขังสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในเชิงบวก และเป็นไปตามพันธกิจของกรมราชทัณฑ์ในการ สร้างคนดีคืนสู่สังคม ในที่สุด พร้อมยืนยันว่า เรือนจำปัตตานีมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการพัฒนาการศึกษาผู้ต้องขังในทุกมิติ ทั้งทางด้านวิชาชีพและศาสนา
ตอริก สหสันติวรกุล รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น