วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

สาเหะมะ‘ สส.ปัตตานี เขต5 พรรคประชาชาติ ผนึกกำลังทุกฝ่ายร่วมกันต่อต้านใบกระท่อมเเละน้ำต้มกระท่อม4คูณร้อย ทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชนต้องสีขาว จนท.เร่งปราบปรามให้หมดสิ้น พร้อมอ้ารับคืนคนดีสู่สังคมมีงานให้ทำมีเงินให้ใช้นำไปดูแลครอบครัวได้

 สาเหะมะ‘ สส.ปัตตานี เขต5 พรรคประชาชาติ ผนึกกำลังทุกฝ่ายร่วมกันต่อต้านใบกระท่อมเเละน้ำต้มกระท่อม4คูณร้อย ทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชนต้องสีขาว จนท.เร่งปราบปรามให้หมดสิ้น พร้อมอ้ารับคืนคนดีสู่สังคมมีงานให้ทำมีเงินให้ใช้นำไปดูแลครอบครัวได้ 



โปรยหัวข่าว….


สาเหะมูหามัด อัลอิดรุส ผู้แทนชาวตานี (ส.ส.ปน. เขต 5 พรรค ป.ช.ช. ) ได้จับมือร่วมกันกับประชาชน ออกมาลุกฮือ “ต้านพืชกระท่อม” พร้อมร่วมถกหาแนวทาง กิจกรรมส่งเสริมอาชีพให้ชาวบ้านพื้นที่อ.ยะหริ่ง ริมคลองแม่น้ำสายบุรีได้ประกอบอาชีพเลี้ยงปลากระพง ได้นำรายได้ที่เลี้ยงปลากระพงดูเเลครอบครัว แทนที่เดิมทำมาหากินดี กว่าไปนั่งขายใบกระท่อม และน้ำกระท่อม จะได้มีอาชีพที่ดีไม่เสียภาพพจน์



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ วันที่ 29 ก.ค. 2568 ที่ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนจังหวัดปัตตานี อ.ยะหริ่ง​ จ.ปัตตานี​ ได้จัดประชุมหารือร่วมระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชน​ นำโดย​ นายสาเหะมูหามัด อัลอิดรุส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปัตตานี เขต 5 พรรคประชาชาติ​ เป็นประธานในที่ประชุม​ ร่วมกับ นายอิบรอเหม เบ็ญนา หัวหน้าสำนักงานผู้อำนวยการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติประจำ ศอ.บต. ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 ผู้นำท้องถิ่น และกลุ่มผู้เลี้ยงปลากะพงในอำเภอยะหริ่ง ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง​ เข้าร่วมหารือในครั้งนี้



สำหรับการประชุมมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาและส่งเสริมอาชีพผู้เลี้ยงปลากะพงที่ประสบปัญหาต้นทุนสูง ตลาดจำกัด และปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยมีแผนสนับสนุนทั้งด้านองค์ความรู้ แหล่งทุน และตลาดรองรับผลผลิตอย่างเป็นรูปธรรม



นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้มีการหยิบยกประเด็นสำคัญเรื่องการใช้พืชกระท่อมในทางที่ผิดในพื้นที่อ.ยะหริ่ง ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของ วาระปฏิบัติการ 120 วัน ต้านพืชกระท่อมใช้ในทางที่ผิด ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการอย่างเข้มข้นในหลายพื้นที่ของ.ปัตตานี และพบว่าขณะนี้ในหลายๆพื้นที่สถานการณ์การค้าขายพืชกระท่อมริมทางเส้น​ 42 แทบไม่มีให้เห็น​ เช่นเดียวกับ​ในตัว อ.ยะหริ่งได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด กลุ่มพ่อค้าที่เคยตั้งแผงขายได้ทยอยเลิกกิจการไป เนื่องจากการต่อต้านจากชาวบ้านในพื้นที่​ ร่วมถึงการปราบปรามจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง​ แต่กลุ่มพ่อค้าบางส่วนก็ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการจำหน่าย โดยให้ลูกค้าติดต่อผ่านช่องทางส่วนตัว แทนการขายเปิดเผยริมทาง ซึ่งทำให้การตรวจสอบและควบคุมเป็นไปได้ยาก



อย่างไรก็ตาม แม้การขายกระท่อมริมทางจะลดลง แต่ยังคงพบว่าภายในหมู่บ้านบางแห่งยังมีกลุ่มเยาวชนบางส่วนที่ลักลอบดื่มน้ำกระท่อม โดยใช้วิธีการต้มใบกระท่อมเอง และผสมกับยาแก้ไอและโค้ก เพื่อบริโภคในลักษณะ 4คูน100 ซึ่งยังถือเป็นปัญหาเรื้อรังที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง


ขณะทีฝ่ายปกครองและผู้นำท้องถิ่นจึงได้ร่วมกันดำเนินมาตรการเชิงรุก ทั้งการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชน การพูดคุยตักเตือนผู้ค้าที่จำหน่ายใบกระท่อม ซึ่งแม้จะไม่ผิดกฎหมาย แต่หากนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพและสังคม​


นายสาเหะมูหามัด อัลอิดรุส ส.ส.ปัตตานี เขต 5 พรรคประชาชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทุกตำบลใน อ.ยะหริ่งยังเดินหน้าแก้ปัญหาการใช้พืชกระท่อมอย่างต่อเนื่อง ตาม วาระ 120 วัน​ ที่​ พ.ต.อ​ ทวี​ สอดส่อง​ รมว.​ยุติธรรม​ได้มอบนโยบายไว้ ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ได้เน้นความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ผู้นำศาสนา ชุมชน และสาธารณสุข ผ่านกลไกสภาสันติสุขและศานบำบัด เพื่อให้ปัญหานี้ลดลงหรือหมดไป


โดยที่ผ่านมาพืชกระท่อมเคยขายทั่วไปริมทาง แต่ปัจจุบันหลายด่วยกระแสต่อต้าน​ ร่วมทั้งอำเภอสามารถจัดการได้จนแทบไม่พบการขายแบบเปิดเผยอีกต่อไป ตนก็ขอชื่นชมความร่วมมือของทุกฝ่ายที่ช่วยกันผลักดันจนเห็นผลชัดเจน


ขณะที่​ นายอิบรอเหม เบ็ญนา หัวหน้าสำนักงาน กสม. ประจำ ศอ.บต. เปิดเผยว่ส ปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะน้ำกระท่อม ยาบ้า และยาไอซ์ กำลังคุกคามพื้นที่ชายแดนใต้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะการดื่มน้ำกระท่อม ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้เยาวชนเข้าสู่ยาเสพติดชนิดอื่น สร้างปัญหาทั้งครอบครัวและชุมชน


ตนขอเน้นย้ำว่า​ อยากให้ทุกคนได้ตระหนัก แม้ครอบครัวอาจไม่เกี่ยวข้อง แต่ผลกระทบอาจย้อนกลับมาถึงตัวเอง ทั้ง การถูกชิงทรัพย์หรือทำร้ายจากผู้เสพที่ต้องหาเงินซื้อยา ตนขอเรียกร้องให้ชุมชนร่วมเป็นหูเป็นตา และช่วยกันสร้างสังคมที่ปลอดภัยขึ้น


ตอริก สหสันติวรกุล ปัตตานี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น