วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

📌"คณะกรรมาธิการ ปปง."ลุยติดตามคดีฟอกเงินโยงเว็บพนัน! ชี้ต้องตอบสังคมด้วยความโปร่งใส ไม่ปล่อย “คดีสำคัญ” ถูกกลบฝุ่น‼️

 📌"คณะกรรมาธิการ ปปง."ลุยติดตามคดีฟอกเงินโยงเว็บพนัน! ชี้ต้องตอบสังคมด้วยความโปร่งใส ไม่ปล่อย “คดีสำคัญ” ถูกกลบฝุ่น‼️



 ✅️วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.30 น.ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CB 308 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร จัดประชุมเพื่อติดตามข้อเท็จจริง กรณีอดีตประธานสโมสรฟุตบอลนครศรียูไนเต็ด ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงกับขบวนการฟอกเงินจากเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์และปรากฏข้อสังเกตเกี่ยวกับคำสั่ง “ไม่ฟ้อง” ของอัยการ ทั้งที่ตำรวจมีความเห็นสั่งฟ้องชัดเจน






❇️การประชุมครั้งนี้นำโดย นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานกรรมาธิการ พร้อมด้วยรองประธานฯ คือ นายดนุพร ปุณณกันต์ และ นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ และกรรมาธิการร่วมกว่า 15 คน โดยมีผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินคดีดังกล่าว








❇️ซึ่งที่ประชุมได้เน้นย้ำว่ากรณีนี้มีความอ่อนไหวต่อความรู้สึกของสังคม เพราะเป็นหนึ่งในคดีที่ประชาชนจับตา ทั้งในด้านความชัดเจนของพยานหลักฐาน เส้นทางการเงิน และการอายัดทรัพย์สินที่ควรดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยไม่มีอคติ และมีการเปรียบเทียบกับคดีลำพูน วอริเออร์ ซึ่งอายัดทรัพย์กว่า 600 ล้านบาท ขณะที่คดีนี้ยังไม่มีความคืบหน้า





📌ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ เลขานุการกรรมาธิการ ได้สอบถามต่อ ปปง. ว่าทำไมจึงไม่มีการอายัดทรัพย์ใด ๆ จากผู้ต้องหาในคดีนี้ และตั้งข้อสังเกตว่า การวางเฉยอาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือของหน่วยงาน ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญของการประชุม คือ ความเห็นไม่ฟ้องของอัยการ ซึ่งขัดแย้งกับความเห็นของพนักงานสอบสวน ที่เห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา





❇️ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ เห็นพ้องกันว่าการที่อัยการมีความเห็น “ไม่ฟ้อง” โดยไม่สามารถชี้แจงเหตุผลเชิงลึกต่อสาธารณะได้อาจทำให้เกิดความเคลือบแคลงใจในกระบวนการพิจารณาคดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อความโปร่งใสยิ่งขึ้น และ มีมติเห็นชอบให้เชิญตัวแทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด เข้าชี้แจงในที่ประชุมครั้งถัดไป เพื่อให้ประชาชนได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากหน่วยงานสูงสุดของการพิจารณาคดี

📌นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวอย่างหนักแน่นในที่ประชุมว่า  “เราจะไม่ปล่อยให้คดีสำคัญที่มีผลกระทบต่อศรัทธาของสังคมถูกกลบเงียบ กมธ.ชุดนี้จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส สร้างสรรค์ และกล้าชนกับทุกอิทธิพล เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย และไม่มีคดีใดควรถูกละเลย เพียงเพราะผู้ต้องหามีฐานะหรือสายสัมพันธ์ทางอำนาจ”





❇️ทั้งนี้ ยังได้ย้ำหลักการสำคัญว่าการฟอกเงินคือปลายทางอาชญากรรม ต้องปราบถึงต้นตอ ไม่ใช่แค่ปลายแถว

❇️สำหรับข้อสรุปสำคัญจากการประชุมครั้งนี้ จะมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด และเชิญอัยการสูงสุดหรือผู้แทน มาให้ถ้อยคำในครั้งถัดไป และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดส่ง รายงานสำนวนคดี และข้อมูลเส้นทางการเงินอย่างละเอียด  ทั้งนี้ประชาชนสามารถติดตามความคืบหน้าจากเว็บไซต์รัฐสภา และช่องทางสื่อสาธารณะได้ทุกสัปดาห์‼️

สมาคมพยาบาลจิตเวช แห่งประเทศไทย ระดมสมอง หารือ การใช้ความรุนแรงต่อส่งผลกระทบบุคคลกรทางการแพทย์

  สมาคมพยาบาลจิตเวช แห่งประเทศไทย ระดมสมอง หารือ

การใช้ความรุนแรงต่อส่งผลกระทบบุคคลกรทางการแพทย์ 



     สมาคมพยาบาลจิตเวช แห่งประเทศไทย  จัดสัมมนาทางวิชาการ Nursing Administrating for Patient & Visitor Violence in General Hospitals หลังพบความผิดปกติของผู้เข้ารับบริการที่มีความเครียดจากการเปลี่ยนแปลงในสังคมนำพามาซึ่งการใช้ความรุนแรงและก่อเหตุวิวาทซึ่งส่งผลกระทบถึงความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพจิตรวมถึงความมั่นใจในการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ 




     โดยการสัมมนาทางวิชาการดังกล่าวพบว่าในระหว่างปีพุทธศักราช 2555 ถึง 2566 ได้เกิดวิกฤตการณ์ความรุนแรงในสถานการณ์ของกระทรวงสาธารณสุขมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นได้แก่การทะเลาะวิวาทกันของผู้รับบริการ การทำร้ายร่างกายบุคลากรทางการแพทย์ การทำลายทรัพย์สิน ทำให้ ประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ได้รับบาดเจ็บและเกิดความสูญเสียแก่ชีวิต ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ต้องมีการนำหลักวิชาการการบ้านเมืองและการปรับตัวของประชาชนท่ามกลางกระแสสังคมที่กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มในการใช้ความรุนแรงมากขึ้น




     ภายในห้องประชุมวิหารพระพุทธเมตตาประทานพร วัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม พว.พรทิพย์ คงสัตย์ อุปนายกคนที่ 1 สมาคมพยาบาลจิตเวชแห่งประเทศไทย กล่าวรายงาน วัตถุประสงค์การจัดสมัมนาทางวิชาการ โดยดร.มยุรี กลับวงษ์ นายกสมาคมพยาบาลจิตเวชแห่งประเทศไทย เป็นประธานในการเปิดงานสัมมนาทางวิชาการ ในหัวข้อ Nursing Administrating for Patient & Visitor Violence in General Hospitals โดยนิมนต์ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม พระอามรามหลวง จังหวัดนครปฐม บรรยายพิเศษในหัวข้อการนำหลักธรรมมาปรับใช้ในยามเกิดสภาวะความเครียด และได้เชิญผู้บริหารสถาบัน โรงพยาบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมระดมความคิดในการหาข้อมูลและแนวทางในการแก้ไขในสถานการณ์ดังกล่าว 




     ในเวทีการหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและระดมความคิด นายแพทย์ณัฐกร จำปาทอง ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ได้ให้เกียรติบรรยายในหัวข้อ "Workplace violence in healthcare setting : The risk factors, implications & legal perspective" และยังได้มีมีวิทยากร 4 ท่าน โดย พลตรีปิยลาภ วสุรัต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช , พว.เกษา นาสวน อดีตหัวหน้าพยาบาลโรงพยาบาลนครปฐม , พว.ณาตยา ขนุนทอง หัวหน้าพยาบาลโรงพยาบาลเจ้พระยายมราช พว.สวัสดิ์ เที่ยวธรรม โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมา ได้มีการจัดอภิปรายกลุ่ม เรื่อง Nursing Administrating for Patient & Visitor Violence in General Hospitals ซึ่งมีการรวบรวมข้อมูล สถิติและหลักการจากเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการอีกหลายเรื่องอาทิจาก คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันราชานุกูล มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา สถาบันจิตเวชสมเด็จเจ้าพระยา โรงพยาบาลศรีธัญญา 




    โดยมีการจัดแนวทางในการดำเนินการวิเคราะห์ทิศทางแนวโน้มความเป็นไปได้ในการบริหารและการนำสู่การปฏิบัติของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้มีการลดความเสี่ยงและแก้ไขปัญหานำไปสู่การบริการที่เกิดสวัสดิภาพระหว่างผู้รับบริการและบุคลากรการแพทย์อย่างยั่งยืน 

ท่ามกลางผู้เข้าร่วมสัมมนา 70 คนในระยะสองวันได้มีการตั้งเป้าถึงการให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้มีความรับรู้และตระหนักถึงความสัมพันธ์ของความรุนแรงที่เกิดขึ้นในบริบทของการปฏิบัติงานและมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิด วิเคราะห์ และวางแนวทางการบริหารการสู่การปฏิบัติการพยาบาลจิตเวช และเป็นเวทีที่เกิดเครือข่ายทางวิชาการและความสัมพันธ์อันดีของสมาชิกพยาบาลจิตเวชต่อไป 



ม.อ.ปัตตานี Kick off แก้จนคนเมืองปัตตานี

 ม.อ.ปัตตานี Kick off แก้จนคนเมืองปัตตานี



ม.อ.ปัตตานี Kick off เปิดเวทีสร้างความเข้าใจร่วมกันและลงนาม( MOU)ประสานภาคีหน่วยงาน โครงการนวัตกรรมแก้จนคนเมืองปัตตานี


(31 ก.ค. 68) ณ  ห้องประชุมปริชญากร ชั้น4 สำนักงานวิทยาเขตปัตตานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี นายวันสุกรี แวมามะ นายอำเภอเมืองปัตตานี เป็นประธานเปิดเวทีการสร้างความเข้าใจร่วมกันและการลงนาม (MOU) ความร่วมมือเพื่อประสานกลไกภาคีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อ Kick off โครงการ “นวัตกรรมแก้จนคนเมืองปัตตานี” ภายใต้โครงการการพัฒนาและยกระดับการจัดการเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อขจัดความยากจน และสร้างโอกาสทางสังคม กรณีศึกษาจังหวัดปัตตานี ระยะที่ 3 ปีที่ 3 โดยมี รศ.ดร.อรุณีวรรณ บัวเนี่ยว รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพันธกิจสังคม วิทยาเขตปัตตานี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ ประจำจังหวัดปัตตานี ผู้แทนจากพัฒนาชุมชนจังหวัดปัตตานี สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) สภาองค์กรชุมชน ตัวแทนผู้นำชุมชนและสมาชิกชุมชนในเขตอ.เมืองและเขตเทศบาลเมืองปัตตานี และคณะนักวิจัย เข้าร่วม



        สำหรับบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ทำขึ้นเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่าง 10 หน่วยงานหลักที่มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาความยากจนในเขตพื้นที่อำเภอเมืองปัตตานี โดยมีผู้ร่วมลงนามคือ ม.อ.ปัตตานีนายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี นายกเทศมนตรีเมืองรูสะมิแล ที่ทำการปกครองอำเภอเมืองปัตตานี เกษตรจังหวัดปัตตานี จัดหางานจังหวัดปัตตานี ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 23 ปัตตานี ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคปัตตานี ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพปัตตานี และผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาปัตตานี 

โดยมุ่งหวังให้เกิดการสร้างรายได้และโอกาสการเข้าถึงความช่วยเหลือทางสังคม  พัฒนารูปแบบการแก้ไขปัญหาความยากจนคนเมืองปัตตานีระหว่างชุมชน มหาวิทยาลัยและหน่วยงานในพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม สร้างกลไก ภาคีเครือข่าย และการส่งต่อความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาคนจนเมืองให้เข้าถึงโอกาสอย่างทั่วถึง และขยายผลรูปแบบการแก้จนคนเมืองสู่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้เป็นช่องทางในการแก้จนได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

รวมทั้งการเสวนา “โอกาสและความท้าทายในการขับเคลื่อนนวัตกรรมแก้จนเมือง“ โดย ดร.อโศก พลบำรุง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ บพท. ดร.กฤษดา ปัจจ่าเนย์ หัวหน้าทีมปฎิบัติการนวัตกรรมแก้จนคนเมืองปัตตานี นางนวรัตน์ สมหวัง ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองปัตตานี นายอภิรักษ์ บัวเพ็ชร เจ้าของร้านสภากาแฟ และนางสาวยะห์ อาลี กรรมการชุมชนคลองช้าง ต.อาเนาะรู อ.เมือง ร่วมเสวนา

ซึ่งม.อ.ปัตตานีได้ดำเนินโครงการวิจัยพัฒนา และยกระดับการจัดการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อขจัดความยากจนและสร้างโอกาสทางสังคมจังหวัดปัตตานี มาตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณวิจัยการจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่(บพท.) สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือกระทรวง อว. โดยมุ่งใช้องค์ความรู้วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมมาแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ โดยปัจจุบันโครงการวิจัยฯมีพื้นที่นำร่องแก้จนครบทั้ง 12 อำเภอในจังหวัดปัตตานี

       


                


ตอริก สหสันติวรกุล รายงาน

รายงานพิเศษ “ลมใต้ปีก” จากเด็กบ้านนอก... สู่ลมใต้ปีกของคนรุ่นใหม่ มีบางคนเลือกเดินจากบ้านเกิดไปเพื่อ “เอาตัวรอด”

 รายงานพิเศษ “ลมใต้ปีก”

จากเด็กบ้านนอก... สู่ลมใต้ปีกของคนรุ่นใหม่

มีบางคนเลือกเดินจากบ้านเกิดไปเพื่อ “เอาตัวรอด”



แต่ “พี่ใหญ่” เลือกเดินกลับมา... เพื่อ “สร้างคน”


 


จากปลายทางของความสำเร็จ…


ในชีวิตการงาน ที่ใคร ๆ มองว่าเขาคือ “คนที่ไปไกล” แต่ในใจของพี่ใหญ่ — สิรภพ ดวงสอดศรี เด็กบ้านนอกจาก อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ที่เติบโตมาด้วยสองมือเปล่า ความทรงจำในวัยเยาว์ยังคงชัดเจนไม่เคยเลือน ความลำบาก ความขาด และความฝันที่ดูไกลเหลือเกินสำหรับเด็กต่างจังหวัด


 



เขาไม่เคยลืมว่า…


โอกาสสำหรับเด็กบ้านนอกนั้น “ไม่เท่ากัน” กับเด็กเมือง


และเขาไม่ยอมให้รุ่นหลังต้องสู้ตามลำพังเหมือนเขาอีกต่อไป



จึงเกิดเป็นแนวคิด “ลมใต้ปีก” – แรงผลักดันจากรุ่นพี่ผู้ผ่านสนามชีวิต เพื่อจุดประกายความฝันให้รุ่นน้องได้โบยบินกว่า 3 ปีของการกลับมาลงมือเปลี่ยนพื้นที่บ้านเกิดให้กลายเป็น “สนามสร้างฝัน” พี่ใหญ่ได้สร้างพื้นที่กลางในการเรียนรู้และสื่อสารอย่างปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ผู้ขาดโอกาสในสามจังหวัดชายแดนใต้



 


พี่ใหญ่ — สิรภพ ดวงสอดศรี  เล่าว่าและนี่คือผลลัพธ์ของลมใต้ปีก…เด็ก ๆ กลุ่มแรกจากโครงการ ได้มีโอกาสหยิบจับกล้อง สร้างคลิป สร้างสรรค์คอนเทนต์ จากนักเรียนบ้านๆ สู่ผู้กำกับ MV



จากนักศึกษาโนเนม สู่ทีมงานหนังสั้น “แม่น้ำปัตตานี สายน้ำแห่งชีวิต” ที่เล่าเรื่องผ่านสายตาของ “ตากับหลานสาว” บนรถเต่าคลาสสิกสีส้ม ตลอดเส้นทางจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ



ระหว่างการเดินทาง พวกเขาพบผู้คน วิถีชีวิต ธรรมชาติและ “หัวใจ” ของแม่น้ำสายนี้


 


พี่ใหญ่  เล่าว่าเพื่อปลุกกระแสก่อนหนังฉาย MV เพลงประกอบหนังสั้นเพิ่งถูกปล่อยเผยแพร่ลงในโซเชียล ด้วยท่วงทำนองและเสียงร้องที่เข้าถึงหัวใจ ฟังแล้วขนลุก ไม่ใช่เพียงเพราะดนตรี แต่เพราะ “ความหมาย” ที่ซ่อนอยู่ในทุกถ้อยคำและท่อนฮุกที่พุ่งตรงสู่หัวใจ “เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงประกอบหนัง แต่มันคือเสียงสะท้อนของคนที่เชื่อว่า “การกลับบ้าน คือการกลับมาเป็นพลัง””พี่ใหญ่ทิ้งท้าย


 



อีกเรื่องราวดีๆ เอามาตีแผ่ให้ผู้คนได้รับรู้และร่วมกันเป็นลมใต้ปีก พร้อมยอมรับและช่วยกันหนุนเสริมความเก่งความสามารถของกลุ่มคนในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนที่สามารถเทียบชั้นฝีมือก็ไม่แพ้แตกต่างไปจากที่อื่นๆ


 



……………………………


ติดตามชมMV ตัวเต็มพร้อมเปิดตัวนักร้องและทีมผู้สร้างเบื้องหลังแรงบันดาลใจ


ก่อนหนังสั้น “แม่น้ำปัตตานี สายน้ำแห่งชีวิต” จะพาคุณล่องตามความฝันในเดือนหน้า


ตอริก สหสันติวรกุล รายงาน 

พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6 เปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด ชุมชนชุมชนโชฏึก แขวงตลาดน้อย พื้นที่ สน.พลับพลาไชย 2

 พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6 เปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด ชุมชนชุมชนโชฏึก แขวงตลาดน้อย พื้นที่ สน.พลับพลาไชย 2




เวลา 16:00 น.วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2568 ณ ชุมชนโชฏึก แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6 เป็นประธานเปิดโครงการปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดภายในชุมชนฯ โดยมี พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร รอง ผบก.น.6, พ.ต.อ.วิทวัส เข่งคุ้ม ผกก.สน.พลับพลาไชย 2, ข้าราชการตำรวจ สน.พลับพลาไชย 2, คุณนิวัติ เหล่าสุวรรณวัฒน์ ประธาน กต.ตร.สน.พลับพลาไชย 2, คุณมานพ จินานุวัฒนา กต.ตร.สน.พลับพลาไชย 2, นางสาวชัญญาภัค ชำนิกล้า ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์, ผู้แทนผู้อำนวยการศูนย์บริการสาธารณสุข 13 ไมตรีวานิช, ประธานชุมชนโชฏึก, ประธานชุมชนจงสวัสดิ์ และประชาชนภายในชุมชนเข้าร่วมและฟังวัตถุประสงค์ของโครงการฯ




     พิธีการเปิดโครงการฯในวันนี้เริ่มจาก พ.ต.ท.มั่นวัตร์ เจริญชัยสมบัติ รอง ผกก.ป.สน.พลับพลาไชย 2 กล่าวรายงานถึงโครงการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดว่า ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายจากทางรัฐบาล โดยมีมาตรการป้องกันและปราบปราบยาเสพติด NO Drugs NO Dealers ซึ่งทางรัฐบาลต้องการปราบปรามยาเสพติดให้สิ้นซากอย่างถาวร 100% จึงกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ และส่งมอบให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำมาปฏิบัติ ภายใต้โครงการ ปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด NO Drugs NO Dealers ผนึกกำลัง ชุมชนปลอดยาเสพติด โดยเข้าตรวจสแกนพื้นที่ ตรวจปัสสาวะทุกคนในทุกครัวเรือน 100% และถ้าหากตรวจพบว่ามีบุคคลที่เสพยา จะแบ่งระดับขั้นตอนออกเป็นกลุ่ม จากเบาไปหาหนัก และจำแนกออกเป็นกลุ่มสี เช่น สีเขียว สีเหลือง สีส้ม สีแดง และหากพบก็จะถือว่าเป็นผู้ป่วยก็จะส่งตัวเข้าบำบัด รักษาตัว เป็นลำดับขั้นตอน และหากท่านใดพบเห็นหรือมีเบาะแสเรื่องยาเสพติดไม่ว่าจะเป็นคนในชุมชนหรือประชากรแฝงก็สามารถแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้รับทราบ ทั้งนี้เพื่อให้ชุมชนของท่านจะได้เป็นพื้นที่สีขาวปลอดยาเสพติดอย่างถาวร และจะได้เป็นบ้านที่น่าอยู่อาศัยตราบชั่วลูกสืบหลาน ต่อไป









     พ.ต.อ.วิสวัส เข่งคุ้ม ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 กล่าวว่า จากนโยบายของทางนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายจากทางรัฐบาล โดยมีมาตรการป้องกันและปราบปราบยาเสพติด ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทาง พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6 ได้เน้นกำชับและทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจของทาง สน.พลับพลาไชย 2 ได้นำมาปฏิบัติอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมออยู่แล้ว โดยทุกฝ่ายได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และไม่สามารถที่จะหยุดการตรวจค้น X - RAY พื้นที่ได้ เพราะปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ และได้รับความร่วมมือจากทางสำนักงานเขต รวมถึงเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการสาธารณสุข 13 ไมตรีวานิช เข้าร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มาโดยตลอด และที่ไม่หยุดยั้งในการตรวจก็เพราะว่าห่วงในเรื่องปัญหาของผู้เสพยาเสพติดเกิดเหตุหลอนยาและถึงขนาดคุ้มคลั่ง ก็จะเป็นสถานการณ์ที่ไม่สู้ดี และเกรงว่าประชาชนผู้บริสุทธิ์อาจถูกทำร้ายหรือทำให้เกิดความสูญเสีย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน จึงขอความร่วมมือในการช่วยกันสอดส่องเป็นหูเป็นตาหากพบมีผู้เสพหรือผู้จำหน่ายยาเสพติดไม่ว่าจะมากหรือน้อยให้แจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอดเวลา พ.ต.อ.วิทวัส เข่งคุ้มฯ กล่าว












     พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6 ได้กล่าวถึงแนวทางในการป้องกันยาเสพติด โดยเบื้องต้นต้องได้รับความร่วมมือจากพี่น้องชาวชุมชนอย่างจริงใจ ร่วมแจ้งเบาะแสของผู้ค้าและผู้เสพ ส่วนวิธีการในการปฏิบัติการของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ไม่ต่างจากรูปแบบเดิมมากนัก ภาพรวมคือมีเป้าหมายเดียวกัน คือต้องการปราบปรามยาเสพติดให้หมดไปจากชุมชนและสังคม พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติฯ กล่าวอีกว่า หากพี่น้องประชาชนท่านใดเกรงว่าหากแจ้งข้อมูลเบาะแสแล้วอาจเกิดความไม่สบายใจหรืออาจจะกลัวว่าหากมีเจ้าหน้าที่จากภาครัฐหรือผู้มีอิทธิพลมาเกี่ยวข้องแล้วเกิดความไม่ปลอดภัยก็สามารถที่จะแจ้งมาโดยตรงกับทางผมเลยก็ได้ พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6 กล่าว








     หลังจากนั้น พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6 พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิทวัส เข่งคุ้ม ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 และคณะฯ เดินเข้าตรวจเยี่ยมทักทายพี่น้องชาวชุมชน และตรวจหาสอบถามเบาะแสเกี่ยวกับผู้ค้าและผู้เสพยาเสพติด รวมถึงเข้าตรวจปัสสาวะจากกลุ่มผู้ใช้แรงงานภายในชุมชนโชฏึก ผลการตรวจไม่พบสารเสพติดในปัสสาวะ








ขอขอบคุณ

พ.ต.อ.วิทวัส เข่งคุ้ม

ผกก.สน.พลับพลาไชย 2

คุณพิพัฒน์ กนกนิตย์อนันต์

รองประธานที่ปรึกษา กต.ตร.สน.พลับพลาไชย 2/ ที่ปรึกษานิตยสารตำรวจเพื่อมวลชน

สนับสนุนข้อมูลข่าวสาร