สืบนครบาล ล่านัท night stalker จอมหื่นนักสะกดรอย อ้างปิกาจูไม่แข็งคิดว่าต้องถูกสารวัตรแจ๊ะจับกุมสักวัน
“night stalker” จอมหื่นที่ตามสะกดรอยชีวิตของเหยื่อสาวกว่าหลายเดือน ก่อนสบโอกาสลากเธอไปข่มขืนอย่างวิตถาร เหตุการณ์ยิ่งกว่าภาพยนตร์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ล่าสุด ผู้การจ๋องัดส่งชุด “สะกดรอย VS นักสะกดรอย” จนเกิดการไล่ล่าอย่างดุเดือดบนถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนรวบตัวได้กลางถนน โดยคนร้ายอ้าง “ลากน้องไปจริงแต่ไม่ได้ข่มขืนเพราะปิกาจูไม่แข็ง”
เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก .สส.บช.น. พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกก.สส บก.น.5 พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้วสว.ฝอ.บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว. กก.4 บก .สส.บช.น. ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.สส.2 ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร. ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว.ฝอ บก.สส.บช.น. ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร. ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อ้นชูฤทธิ์ รอง สว.สอบสวน สน.ดินแดง ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฝอ.2ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร.ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาลร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว
นายณัฐพล บุราณรักษ์ หรือนัท อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ถ.ประชาอุทิศ ซอย 2 ต.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.1625/2567 ลงวันที่ 19 เม.ย. 67
ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้”
จับกุมได้ที่ กลางถนนวิภาวดี-รังสิต (ขาออก-บริเวณสนามบินดอนเมือง) แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง จ.กรุงเทพฯ
พฤติการณ์กล่าวคือ “night stalker” ในชีวิตจริง จอมหื่นที่ตามสะกดรอยชีวิตของเหยื่อสาวกว่าหลายเดือน ก่อนสบโอกาสลากเธอไปข่มขืนอย่างวิตถาร โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในห้วงปลายปี พ.ศ. 2566 หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายรายนี้เธอเป็นเด็กสาวหน้าตาดีวัย 22 ปี เธอเล่าว่า ได้เข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง คนร้ายทำหน้าที่โชเฟอร์ของบริษัท ได้ฉวยโอกาสนี้เข้ามาทำทีตีสนิทใกล้ชิดกับเธอ จนมันเริ่มคลั่งไคล้เธอจนถึงขั้นเลิกขับรถแล้วขอย้ายมาอยู่แผนกเดียวกับเธอ ภัยร้ายเริ่มคลืบคลานมาหา เมื่อได้ทำงานใกล้ชิดกับเธอแล้วไอโรคจิตรายนี้พยายามซักถามข้อมูลส่วนตัวเธออย่างเกินงาม จนเธอรู้สึกอึดอัด โดยคนร้ายยังไม่จบเพียงแค่นี้บางครามันถึงขั้นนำสิ่งของของเธอในอ็อฟฟิศ “มาสูดดม” อย่างโรคจิตในภาพยนตร์ แล้วที่พีคสุดคือหลังเลิกงานเมื่อ “พระอาทิตย์ตกดิน” ผู้ต้องห่จะสะกดรอยติดตามเธอตั้งแต่ออกจากบริษัท ป้ายรถเมล์ และแอบขึ้นรถเมล์ไปกับเธอ ตามไปจนถึงที่พักของเธอ โดยที่เธอไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นเช่นนี้มาเป็นเวลากว่าหลายเดือน มันรู้แม้กระทั่งว่าเธอชอบกินขนมยี่ห้ออะไรในร้านสะดวกซื้อ จนมาถึงในวันที่เกิดเหตุ ได้มีการจัดงานการกินเลี้ยงสังสรรค์ของบริษัทฯ ซึ่งหลังเสร็จจากงานเลี้ยงเธอต้องกลับมาทำงานต่อที่บริษัทฯ มันฉวยโอกาสตามเธอกลับมาที่บริษัทฯ ด้วยสภาพแวดล้อมที่แทบจะไม่มีใครอยู่ในบริษัท ลงมือลากเธอเข้าไปในห้องฟิสเนตของบริษัทฯ แล้วลงมือกระทำชำเราเธออย่างรุนแรง เวลาผ่านไปเท่าใดไม่ทราบเธอฟื้นได้สติขึ้นมาแล้วพบว่าตนกำลังถูกไอ้โรคจิตรายนี้ข่มขืนอยู่ จึงใช้เท้าถีบมันและหนีออกมาจากสถานการณ์นั้นได้ ซึ่งหลังเกิดเหตุเธอได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น และได้แจ้งเรื่องนี้ให้กับหัวหน้าในบริษัททราบทันที ซึ่งเมื่อทางเจ้าหน้าที่ได้มาทำการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดก็พบว่าหลังเกิดเหตุ ไอ้โรคจิตรายนี้ยังกลับเข้าไปทำความสะอาดและทำลายหลักฐานในห้องฟิสเน็ตจุดที่ลงมือก่อเหตุอีกด้วย หลังจากนั้นคนร้ายก็ไม่มาทำงานอีกและหนีหายเข้ากลีบเมฆไปเลย ซึ่งต่อมาก็ได้มีการออกหมายจับนายณัฐพล หรือนัท อายุ 45 ปี โดยคดีนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบนครบาลเพื่อไล่ล่าติดตามตัว จนชุดสืบสวนได้ไปพบบุคคลต้องสงสัยที่มีตำหนิรูปพรรณตรงกับคนร้าย กำลังขับรถยนต์อยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.ต.ธีรเดชฯ สั่งให้ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. ชุดสืบสะกดรอยนักสะกดรอยรายนี้ไปเรื่อยๆเพื่อพิสูจน์ทราบ กระทั่งต่อมาคนร้ายเริ่มระวังตัวจึงเริ่มขับรถโดยใช้ความเร็วต่ำ แต่ชุดสืบสวนไม่กลัวว่าคนร้ายจะรู้ตัว โดยสารวัตรแจ๊ะสั่งลูกทีม “ตามแบบหนังไทย” ขับตามรถคนร้ายไปดื้อๆ จนกระทั่งคนร้ายเริ่มออกอาการเริ่มขยับฉวัดเฉวียวและใช้ความเร็ว กระทั่งได้พยายามจะสับขาหลอกชุดสืบสวนหักเลี้ยวกลับรถกะทันหันและพยายามขับขี่มุดไปตามช่องแคบ แต่ท้ายสุดก็ถูกสกัดจับได้กลางถนนวิภาวดีรังสิต
ในชั้นจับกุม นายณัฐพลฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเคยเป็นพนักงานในแผนกไอทีแอนเซอร์วิส อยู่ที่บริษัทที่เกิดเหตุดังกล่าว ตามที่ผู้เสียหายกล่าวว่าตนนั้นเป็นสตอกเกอร์ตามคุกคามชีวิตประจำวันผู้เสียหาย ตั้งแต่ขึ้นรถเมล์จนกระทั้งรู้พฤติกรรมของผู้เสียหายว่าชอบลงมาซื้อข้าวจากร้านสะดวกซื้อไปกินบนห้องและคอยเฝ้าตามผู้เสียหายในที่ต่างๆ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นสตอกเกอร์ แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของน้องเขาเท่านั้น โดยในวันเกิดเหตุนั้นบริษัทที่ตนทำงานได้จัดเลี้ยงปีใหม่และผู้เสียหายได้ดื่มเหล้าจนมีอาการเมาไม่ได้สติ และตนจึงได้พาผู้เสียหายไปที่อ่างล้างจานเพื่อไปอาเจียน และพาผู้เสียหายมาเช็ดตัวที่ห้องฟิตเนสในระหว่างนั้นตนเห็นผู้เสียหายถอดเสื้อจนเห็นร่องอก ตนจึงเกิดอารมณ์และได้ลูบไล้ร่างกายผู้เสียหาย จนกระทั่งตนกำลังจะถอดกางเกงแต่ อวัยวะเพศของตนเกิดอาการอ่อนตัวจนไม่สามารถร่วมเพศเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผู้เสียหายรู้สึกตัวพอดี ซึ่งภายหลังเกิดเหตุ ตนได้ลาออกจากบริษัทและออกมาทำงานรับจ้างด้วยตนเอง โดยตลอดช่วงที่หลบหนีที่ผ่านมาตนได้ตั้งจิตขอขมาองค์เทพและผู้เสียหายเรื่อยมา จนในวันที่ถูกจับกุมตนมีลางสังหรณ์จากองค์เทพว่าวันนี้ตนจะถูกลงโทษจากคดีความที่เคยก่อไว้ และถ้าถูกจับวันนี้จะมีญาติผู้ใหญ่มาช่วยเหลือและตนจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ตนอยากเจอกับ สารวัตรหมวกไหมพรหม (สารวัตรแจ๊ะ) เพราะติดตามใน tiktok มานานและคิดว่าสักวันตนอาจจะถูกสารวัตรแจ๊ะจับเพราะชุดสืบของสารวัตรแจ๊ะเก่ง อีกทั้งตนยังอยากคุยกับผู้การจ๋อ เพราะติดตามมานานและคิดว่าผู้การจ๋อซึ่งน่าจะเข้าใจตนมากที่สุด”
หลังจับกุมตัว ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของคนร้าย เพราะพยานหลักฐานในคดีนี้แน่หนามาก และจากการตรวจสอบพฤติกรรมของคนร้ายพบว่ามีการเปลี่ยนที่ทำงานบ่อยครั้งมาก เป็นไปได้สูงที่อาจจะเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้ว ซึ่งหลังจากนี้เราจะมีการขยายผลโดยละเอียด ขอเป็นกำลังใจให้กับหญิงสาวที่ต้องประสบพบเจอกับการถูก “sexual harassment” ในทุกแวดวงสังคมเช่นนี้ ต้องรู้จักสร้างภูมิคุ้มกันตัวเราเองก่อน ต้องรู้จักและหาแนวทางในการรับมือ การวางตัว และการป้องกันที่จะไม่เปิดโอกาสให้ผู้ที่คิดมิดีมิร้ายมาลงมือก่อเหตุกับเราได้ และหากผู้ใดมีเบาะแสการกระทำความผิดในลักษณะนี้ในแวดวงสังคมที่ท่านต้องประสบพบเจออยู่โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น